
แม่เด็กนักบอล เหยื่อกระบะเมาขับ จ.กำแพงเพชร เตรียมจัดงานเผาศพลูก เผย ยังไม่พร้อมให้คนขับเข้าขอขมา พร้อมวอนสังคมหยุดโจมตีลูกคนก่อเหตุ
จากกรณี กระบะขนนักเรียนมัธยม ทีมนักฟุตบอลเดินทางไปแข่งขันกีฬาฟุตบอลในหมู่บ้าน จนคว้าแชมป์ ขากลับเกิดอุบัติเหตุตกข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 10 คน ในจำนวนนี้ ยังอยู่ในห้องไอซียู 2 คน เหตุเกิดที่ จ.กำแพงเพชร
โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับคนขับ 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และมีผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อกล่าวหาขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและอันตรายแก่กาย ส่วนนั่งท้ายกระบะนั้นจะมีโทษปรับในชั้นสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดมุจลินท์ (กระโดนเตี้ย) หมู่ที่ 6 ตำบลวังไทร อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อพบกับนางสาวดวงทิพย์ พันทสิงห์ อายุ 31 ปี แม่ของเด็กชายชัยฤทธิ์ เพียรกสิกรรม อายุ 14 ปี หรือ น้องมิคกี้ ที่เสียชีวิตจากเหตุรถกระบะเมาแล้วขับซิ่งแหกโค้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 10 ราย (รวมคนขับ) บริเวณหมู่ที่ 10 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยในวันนี้พร้อมด้วยบรรดาญาติกำลังช่วยกันเตรียมพิธีฌาปนกิจศพน้องมิคกี้ ซึ่งจะมีขึ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. ที่เมรุวัดมุจลินท์ (กระโดนเตี้ย)

โดยนางสาวดวงทิพย์ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบว่าผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกมาแล้ว ลึกๆ ก็รู้สึกว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่เพราะถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งหลังออกมา ตัวผู้ต้องหาจะไปอยู่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แต่ระหว่างที่เขาถูกฝากขัง ก็จะมีแม่และสามีเขาเข้ามาช่วยค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพบ้าง
เมื่อถามว่าหากคนขับจะขอเข้ามาขอขมาศพจะยอมหรือไม่ ก็ต้องบอกเลยว่า ยังไม่อยากให้เข้ามา บอกตรงๆ ว่ามันยังร้อนกันอยู่ กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะคนที่เขารักน้องอยู่ในงานก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา แต่ตัวสามีคนขับก็พูดว่ายอมรับทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะกล้าเข้ามาหรือเปล่า
ทั้งนี้ อีกประเด็นที่ตนแม้จะเป็นแม่ที่สูญเสียลูก ก็อยากจะบอกสังคมว่า อย่าไปโจมตี พาดพิง ลูกชายของคนขับรถกระบะที่เป็นเพื่อนกับลูกชายตนและได้รับบาดเจ็บด้วย น้องเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เป็นเด็กด้วยหากถูกเพื่อนโจมตีเสียดสีมากๆ ก็จะคิดเยอะบ้างอะไรบ้าง ก็สงสาร เพราะทุกอย่างมันเกิดจากคนๆ เดียวจริงๆ
ส่วนอีกประเด็นกระแสในโซเชียลมาคอมเมนต์ กล่าวหาว่าตนไม่เห็นเสียใจ หรือร้องไห้กับการที่ลูกเสียชีวิตนั้น อยากจะบอกว่ามันไม่เสียใจเป็นไปไม่ได้ หากไม่เกิดกับใครไม่รู้หรอกคำว่าร้องไห้ไม่มีน้ำตามันมีอยู่จริง มันจุกอกแทบตายมันมีอยู่แล้ว เกิดขึ้นกับใครแล้วจะรู้เอง ต่อให้ได้เงินสิบล้านมันก็ไม่พอที่จะมาทดแทนกันได้ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นตายแทนก็ยังไม่พอ.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ