พ่อค้าแม่ค้าโอด ปมดราม่าสารตกค้างใน “องุ่นไชน์มัสแคท” ทำขาดทุนเป็นแสน ต้องระงับสั่งเข้าร้านชั่วคราว
จากกรณี มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ Thai-PAN ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งโต๊ะแถลงผลทดสอบสารเคมีเกษตรในองุ่นไชน์มัสแคททั่วกรุงเทพและปริมณฑล โดยมีการเก็บตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคททั้งหมด 24 ตัวอย่าง ผลตรวจสอบพบว่า 95.8% ของตัวอย่างองุ่นไชน์มัสแคทหรือ 23 จาก 24 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างเกินค่าที่กฎหมายกำหนด
ล่าสุด วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณตลาดผักและผลไม้จังหวัดราชบุรี หรือ ตลาดศรีเมือง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าปลีก-ส่งผักและผลไม้ เพื่อสอบถามความคิดเห็นและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการค้าส่งผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ
จากการสอบถาม นางพิภาพร ฉิมไพบูลย์ เจ้าของร้านเล็ก-พรผลไม้ เผยว่า ตนเปิดร้านขายผลไม้นำเข้าต่างประเทศ ทั้งจาก อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน มาแล้วกว่า 5 ปี ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะส่งขายในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ โดยในช่วงเทศกาลสำคัญ จะต้องลงสินค้ารวมประมาณ 8 ตัน และช่วงปกติจะอยู่ที่ประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ตัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ยอดขายผลไม้นำเข้าทุกชนิดลดลง โดยเฉพาะองุ่นไชน์มัสแคท ที่หายไปถึงร้อยละ 80 ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นองุ่นนำเข้าจากจีน แต่ยังรวมถึงองุ่นจากญี่ปุ่นและเกาหลีด้วย สร้างความเสียหายกว่า 1 แสนบาท เนื่องจากผู้บริโภคกังวลถึงความปลอดภัย ซ้ำเติมรายได้ที่ลดลงของผู้ค้าส่งและค้าปลีกอันเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจ
แต่ในทางกลับกัน ตนขายองุ่นไชน์มัสแคทนำเข้ามาแล้วกว่า 3 ปี ก็ยังไม่มีลูกค้ารายใด พบปัญหาป่วยหรือได้รับอันตรายจากองุ่นที่รับประทาน โดยล่าสุดตนยังได้นำเอาองุ่นไชน์มัสแคทไปแจกในงานกฐิน ก็ปรากฏว่าองุ่นหมดภายในชั่วพริบตา แต่จากสถานการณ์ตื่นกลัวของผู้บริโภค ตนจึงต้องระงับการสั่งซื้อองุ่นไชน์มัสแคทเข้าร้านชั่วคราว รวมถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ อาจต้องยกเลิกสั่งองุ่นไชน์มัสแคท ซึ่งลูกค้านิยมนำไปจัดกระเช้าของขวัญ โดยจะต้องจัดหาสินค้าชนิดอื่นมาทดแทน
ขณะที่ นายวิชิต ภู่พันธ์ศรี เจ้าของร้านจิ้ม-กุ้ง ที่นำเข้าองุ่นไชน์มัสแคทจากประเทศจีนมาจำหน่าย เผยว่า สาเหตุที่ผลไม้นำเข้าจากประเทศจีนได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่มีปลูกในไทย รวมไปถึงรูปลักษณะ รสชาติหวาน และราคาถูก สามารถจับต้องได้ ส่วนที่ตนเลือกขายเฉพาะองุ่นไชน์มัสแคทจากประเทศจีน เนื่องจากราคาถูกเพียงหลักร้อยต้นๆ ลูกค้าทั่วไปมีกำลังซื้อ ต่างจากองุ่นของประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีที่ราคาสูงถึงหลักพันบาท
แต่หลังจากมีข่าวองุ่นปนเปื้อนสารอันตราย ทำให้ตนต้องลดราคาจำหน่ายจากเดิม 350 บาทต่อตะกร้า เหลือเพียง 180–150 บาทต่อตะกร้า ซึ่งเหลือลูกค้าอยู่เพียงร้อยละ 10 ที่ยังมั่นใจในตัวสินค้า ว่าหากนำไปล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ก็ยังสามารถรับประทานได้ตามปกติ แต่ยอดขายที่หายไปอีกร้อยละ 90 ทำให้องุ่นค้างสต็อกในห้องเย็นเป็นจำนวนมาก และขาดทุนไปแล้วกว่า 1 แสนบาท โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง คงต้องสั่งองุ่นไชน์มัสแคทมาขายในปริมาณที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม พวกตนเป็นเพียงยี่ปั๊วที่รับสินค้าจากบริษัทนำเข้ามาขายต่ออีกทอดหนึ่ง การที่สินค้าจากต่างประเทศจะสามารถนำเข้ามาในประเทศไทยได้ ตามขั้นตอนจะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะนำมาวางขายให้กับลูกค้า เวลานี้จึงทำได้แค่เพียงก้มหน้ายอมรับความเสียหายที่เกิดขึ้น.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ