นอกจากภารกิจการคัดตัวเจ้าสำนักปทุมวันคนใหม่นัดดีเดย์วันที่ 7 ต.ค.67

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ยังต้องทำหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการ ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.วาระประจำปี 2568 อีกหลายตำแหน่ง

จัดสำรับใหญ่ลงไปบริหารหน่วยสำคัญของกองทัพสีกากี

 ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.–ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไม่ใช่การบ้านข้อยากในที่ประชุม เพราะพิจารณาว่าตามลำดับอาวุโสไม่เปิดโอกาสให้ “ใครวิ่งแซงคิว”

ต่างคนต่างรู้สถานะต้องขยับเก้าอี้ไม่มีสิทธิบิดพลิ้วขอวีซ่าอยู่ต่อ

น่าสนใจตำแหน่งทดแทน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด. หน่วยงานหลักที่ “ไร้หัวผู้นำ” จากการเกษียณอายุราชการ

รวมถึงกลุ่มอาวุโสที่ต้อง “เปิดหลุม” เลื่อนขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาทิ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 เป็นต้น

บวกกับตำแหน่ง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.คุมกองกำลังหน่วย “ตำรวจไซเบอร์” ที่ตัดสินใจลาออก

ล้วนเป็น “เก้าอี้ทอง” ที่หลายคนจับจองจ้องตาเป็นมัน

ความสำคัญในการคัดเลือก “ผู้นำ” คุณสมบัติเหมาะสมกับ “เนื้องาน” ไปคุมหน่วย ไม่ใช่เลือก “คนห่วย” มาทำลายขวัญกำลังใจกองทัพ

โจทย์การบ้านอีกข้อที่ท้าทายของนายกรัฐมนตรีหญิง.

“สหบาท”

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม