ผู้กำกับเมืองแปดริ้ว พร้อมชุดเฉพาะกิจตรวจสอบมิเตอร์การไฟฟ้าเขต 2 ภาคกลาง และการไฟฟ้าฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ ริมถนนสิริโสธร หลังพบว่ามีการใช้ไฟต่อเนื่องแบบผิดปกติ เมื่องัดประตูที่ล็อกแน่นหนา 2 ชั้น พบเครื่องขุดบิทคอยน์ จัดระเบียบวางบนชั้นเหล็กอย่างดี รวม 20 เครื่อง โดยมีลูกบอลเคมีวางไว้ หากเกิดประกายไฟในห้อง รวมมูลค่าเครื่องขุดบิทคอยน์กว่า 3 ล้านบาท และคาดว่าแอบใช้ไฟฟ้าเดือน 1.2 แสนบาท พบคนเช่าจริง จ้าง 2 ผัวเมียมาทำเอกสารในการเช่า อ้างเอาไว้เก็บเครื่องมือการเกษตร ตำรวจเร่งขยายผล

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.ณัฐพล อะกะเรือน ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบมิเตอร์การไฟฟ้าเขต 2 ภาคกลาง ชลบุรี และนายขวัญชัย นวมดี ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาฉะเชิงเทรา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้า เข้าตรวจสอบภายในอาคารพาณิชย์ ริมถนนสิริโสธร ใกล้เคียงแยกไฟแดงสวนอาหารบ้านใหญ่ เลขที่ 74/10 ม.7 ต.บางพระ อ.เมืองฉะเชิงเทรา

หลังตรวจสอบพบว่ามีการละเมิดการใช้ไฟฟ้า โดยการดัดแปลงมิเตอร์ (เครื่องวัด) โดยผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณหม้อแปลงที่ต่อมายังสายไฟบนฝ้าเพดานหน้าอาคาร พบว่ามีการดัดแปลง ก่อนจะมีสายไฟเจาะพื้นปูน ตามชั้นต่าง ๆ โยงขึ้นไปด้านบนชั้น 3 ซึ่งเป็นเครื่องขุดบิทคอยน์

เมื่อเข้าไปด้านบนชั้น 3 ได้ยินเสียงพัดลมดังต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา และจากการตรวจสอบ พบห้องแยกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกถูกดัดแปลงให้เครื่องระบายความร้อนออกมา ซึ่งมีพัดลมขนาดใหญ่คอยดูดความร้อนให้ออกไปด้านนอก ส่วนอีกห้องที่อยู่ใกล้กัน พบเครื่องที่ใช้สำหรับขุดบิทคอยน์ ถูกจัดวางเป็นระเบียบบนชั้นเหล็ก จำนวน 4 ชั้น รวม 20 เครื่อง โดยทุกเครื่องกำลังทำงานตามปกติ และมีลูกบอลเคมี สำหรับดับไฟวางไว้ในห้องจำนวน 1 ลูก มูลค่าเครื่องขุดบิทคอยน์ รวมแล้วประมาณ 3,200,000 บาท

นายขวัญชัย นวมดี ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการใช้ไฟฟ้าในอาคารดังกล่าว เนื่องจากอาคารดังกล่าวและอาคารข้างเคียงปิดทำการตลอด แต่กระแสไฟฟ้าที่การไฟฟ้าปล่อยออกมาผ่านสายเมน พบมีการใช้ไฟบริเวณจุดนี้ มากกว่า 80-90 แอมป์ ถือว่าผิดปกติเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีคนอยู่ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบมิเตอร์การไฟฟ้า นำเครื่องเทอร์โมสแกน มายิงดูความร้อนจากด้านนอกอาคาร และก็พบว่าบริเวณชั้น 3 ของอาคารนี้มีความผิดปกติ เนื่องจากเกิดความร้อนเป็นกลุ่มใหญ่ในห้อง จึงสันนิษฐานว่า ด้านในอาจมีการลักลอบใช้ไฟฟ้าแบบผิดกฎหมาย หรือการขุดเหมืองบิทคอยน์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบ

เบื้องต้นได้นำเครื่องทั้งหมดลงมา และเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ไว้ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ส่วนค่าความเสียหายของรัฐนั้น คาดว่าเดือนนึงไม่ต่ำกว่า 130,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามชายอายุ 82 ปีเจ้าของตึก (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญให้เช่า เปิดเผยว่า มีชายวัยรุ่นเดินทางมาจากเขตหนองจอก กทม. เพื่อมาขอดูห้องทั้งหมด ก่อนตกลงทำสัญญาเช่า เดือนละ 7,500 บาท โดยอ้างว่าเช่าไว้เพื่อเก็บสินค้าการเกษตร โดยวันทำสัญญาชายวัยรุ่นคนดังกล่าวไม่ได้มา มีเพียง 2 สามีภรรยาเดินทางมาทำหนังสือสัญญาไว้ ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2566 รวมระยะเวลาเช่ามาแล้ว 1 ปี 6 เดือน ซึ่งค่าไฟที่รัฐต้องเสียไป ประมาณ 2,340,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้จะติดตาม 2 สามีภรรยาที่รับเปิดเช่าห้อง มาขยายผลสอบสวนต่อไป