
พ่อค้ายาบ้าแสบโกงเงินค่ายานรก 6 แสนเม็ดจากนายทุนอีสาน โดนตามล่าหมายหัว ส่งทีมอุ้มควานหาตัวแต่ความแตกเลยซ้อนแผนแยบยลให้สมุนลวงทีมอุ้มเข้าพื้นที่สังหาร ก่อนพาพรรคพวกใช้ปืนสงครามยิงถล่มเก๋งพรุนทั้งคัน คนขับเจอกระสุนเจาะร่างสิ้นใจคาเบาะ ที่เหลืออีก 2 บาดเจ็บต้องแกล้งตายเลยรอดชีวิต ผู้การเมืองปากน้ำสั่งระดมชุดสืบสวน เก็บพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ เตรียมบุกทลายทั้งขบวนการให้สิ้นซาก
ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ต.ค. พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รักษาการ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีเมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 2 ต.ค. มีคนร้ายขับรถไล่ล่าเป็นระยะทาง 3.7 กม. ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่รถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน ฌฎ 4478 กรุงเทพมหานคร ถูกตัวรถพรุนกว่า 30 นัด ทำให้นายประพจน์ จิตตกูล อายุ 30 ปี คนขับรถ อยู่บ้านเลขที่ 36/4 หมู่ 1 ต.เกาะลอย อ.พานทอง จ.ชลบุรี เสียชีวิตคาที่ และยังยิงถล่มรถยนต์มิตซูบิชิ สเปซ วากอน สีเทา ทะเบียน สส 4470 กรุงเทพมหานคร มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ถูกนำส่ง รพ.จุฬารัตน์ 3 เหตุเกิดบนถนนสาย สป.2001 หรือสายศรีวารีน้อย มุ่งหน้าออกซอยลาดกระบัง 54 ต.ศีรษะจระเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ตามแนวทางสืบสวนทราบว่า คดีนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีทีมชี้เป้าและทีมอุ้มรวม 11 คน ใช้รถยนต์ 2 คัน กลุ่มที่ 2 เป็นทีมก่อเหตุมี 5 คน ใช้รถยนต์ 3 คัน ปืนยาว 1 กระบอก ปืนสั้น 3 กระบอก สาเหตุจากความขัดแย้งเรื่องยาเสพติด เริ่มจากนายนำโชค หรือโชค พวงภู่ อายุราว 27 ปี ชาว จ.ลพบุรี รับยาบ้า 6 แสนเม็ด มาจากนายทุนในภาคอีสาน แต่กลับเบี้ยวจ่ายเงินค่ายาบ้า นายทุนได้ว่าจ้างทีมอุ้มตัวนายโชคไปเจรจา แต่ทีมอุ้มไม่รู้จักนายโชคได้จ้างทีมชี้เป้าเป็นเงิน 3 หมื่นบาท ให้ช่วยชี้ตัวนายโชค และ 1 ในทีมชี้เป้ามาว่าจ้างนายวิริยะ มาลัย อายุ 19 ปี บ้านอยู่เขตลาดกระบัง ให้ช่วยขี่รถ จยย.นำทาง แต่ไม่รู้ว่านายวิริยะเป็นลูกน้องของนายโชค และทำตัวเป็นนกสองหัว แอบนำความลับมาบอกลูกพี่ให้รู้ตัว นายโชคเลยซ้อนแผนให้นายวิริยะล่อคู่กรณีทั้งหมดเข้ามาท้ายซอยเปลี่ยว
เมื่อทีมชี้เป้าและทีมอุ้มหลงกลขับรถตามนายวิริยะเข้ามายังพื้นที่สังหาร นายโชคได้ออกจากที่ซ่อนไปซ้อนท้ายรถ จยย.ของนายวิริยะ นำทีมพรรคพวกขับรถกระบะและรถเก๋งใช้ปืนสงครามคาดเป็นปืนเอ็ม 16 และปืนพก 9 มม. 3 กระบอก ไล่ยิงถล่มใส่ทีมชี้เป้าที่ขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ มากัน 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน คนขับชื่อนายประพจน์ จิตตกูล ถูกยิงตายคารถ ส่วนทีมอุ้มมี 4 คน ขับรถยนต์มิซซูบิชิ สเปซ วากอน ถูกยิงเจ็บ 2 คน ส่วนอีก 2 คน หนีจากที่เกิดเหตุไปได้ ขณะนี้ตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่นๆ ขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับนายนำโชค มือปืน กับนายวิริยะ คนขี่รถ จยย.พาไปก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี จากนั้นจะดำเนินคดีกับผู้ร่วมก่อเหตุทุกคนโดยไม่ละเว้น เพราะก่อเหตุอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย
นายฟิน (นามสมมติ) หนึ่งทีมชี้เป้าที่โดยสารมาในรถเก๋งคัมรี่ เล่านาทีรอดตายว่า ขณะเกิดเหตุนั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ หลังรถถูกยิงยางแตกไปต่อไม่ได้ มีมือปืนลงมาจากรถกระบะของคู่กรณีมีทั้งปืนยาวและปืนสั้น เปิดฉากกระหน่ำยิงอีกหลายนัด ก่อนที่มือปืนจะใช้ด้ามปืนยาวทุบกระจกฝั่งซ้ายแตก แล้วใช้ด้ามปืนตบหน้าตนเพื่อเช็กดูว่าตายหรือยัง ตอนนั้นตนได้อยู่นิ่งๆแกล้งตาย มือปืนพูดว่า “ตายหมดทั้งคันแล้วไปเถอะ” ก่อนพากันแยกย้ายหลบหนี
ด้านนายคิว (นามสมมติ) ผู้นั่งมาในรถคัมรี่เช่นกัน บอกว่า มีผู้จ้างให้มาทำงานนี้ ว่าจ้างทีมของตนในราคา 3 หมื่นบาท ให้ตามหาและชี้เป้านายโชคหรือฉายา“กำนันโชค” หลังได้รูปนายโชคมา ตนไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้านายโชค ทราบเพียงว่าอยู่ไม่ไกลจากซอยวัดศรีวารีน้อย ได้ติดต่อรุ่นน้องที่รู้จักกันในพื้นที่ส่งรูปนายโชคให้รุ่นน้องดู กระทั่งนัดหมายให้มาเจอกันที่ตลาดศรีวารีน้อย และมีนายวิริยะรุ่นน้องขี่รถ จยย.มากับเพื่อนอีกคันบอกว่าจะนำทางไปหาเป้าหมาย ด้วยความไว้ใจไม่คิดว่าจะถูกรุ่นน้องคนนี้หักหลัง พากันขับรถตามเข้าไปในซอยเปลี่ยว จนไปเจอกลุ่มของนายโชคดักรออยู่ ทันทีที่เจอกันรถยังไม่ทันจอด กลุ่มนายโชคเปิดฉากยิงใส่จนต้องพากันซิ่งหนีตายออกมา แล้วถูกตามไล่ยิงมาตลอดทางด้วยปืนหลายกระบอก
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ