พี่ชายเผยอาการล่าสุดของ “น้องสาว” เหยื่อเหตุยิงกันหลังฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ อาการดีขึ้น แต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย บอกอโหสิให้ เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

จากกรณี ชายวัย 69 ปี ก่อเหตุยิงเพื่อนบ้าน ก่อนลั่นไกปลิดชีพตัวเองดับ 4 ศพ เหตุเกิดในซอยหลังฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ เด็กน้อยวัย 7 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดปมทวงเงิน ตำรวจเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (คาดปมทวงเงิน ตร.เร่งตรวจสอบเหตุยิงกันหลังฟาร์มจระเข้ ดับ 4 ศพ เด็กสาหัส)

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 พ.ย. 67 ที่วัดราษฎร์โพธิ์ทอง ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบญาติได้นำร่างของนายวาสนา ใจเที่ยง อายุ 45 ปี นางรัตตาภัค นิยมโภค อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา และร่างของนางทองสี นิยมโภค อายุ 69 ปี มาตั้งสวดที่ศาลา 2 เพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ก่อนที่จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมในช่วง 19.00 น. ส่วนร่างของนายพิศิษฐ์ เอี่ยมพลี หรือ หนุ่ย อายุ 64 ปี ผู้ก่อเหตุนั้น ตั้งอยู่ที่ศาลา 1 เบื้องต้นทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่าจะรับดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในงานของเสียหายทั้งหมด

นายศุภเสกช์ ใจเที่ยง อายุ 19 ปี ลูกชายคนโตของผู้เสียชีวิต กล่าวถึงอาการน้องสาวว่า ล่าสุดน้องสาวอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย จากนี้ต่อไปตนคงต้องดูแลน้องสาว ตนเองยังช็อกกับเหตุการณ์ ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับครอบครัว และไม่อยากให้เกิดกับใคร และไม่คิดว่านายหนุ่ยจะลงมือกับครอบครัวตนเองจนถึงชีวิต ทั้งนี้ตนเองไม่ได้สนิทกับนายหนุ่ย แต่ก็เคยเห็นมาที่บ้าน จากนี้จากที่พ่อแม่ที่เคยเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่อยู่แล้ว ตนเองก็ต้องทำหน้าที่ดูแลน้องสาวให้ดีที่สุดเพราะเหลือกันอยู่ 2 คน

ส่วนการเป็นอยู่และค่าเทอมตนกับน้องนั้น ตนเองก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ แต่ก็พอมีญาติพี่น้องของพ่อแม่อยู่บ้างในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปพักกับญาติดีหรือไม่ เบื้องต้นนั้นตนเองยังไม่ได้คุยกับญาติผู้ก่อเหตุ แต่ก็อโหสิให้ เนื่องจากมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

ขณะที่นางสาวโอ๋ ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเองต้องกราบขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิต ส่วนเรื่องของคดีตนเองให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว เบื้องต้นตนเองยินดีจะดูแลค่าใช้จ่ายเรื่องค่างานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน ตลอดทั้งวันตนเองก็วิ่งเต้นให้ทุกอย่าง รวมทั้งการจัดสถานที่ แต่หลังจากนี้จะดูแลได้มากแค่ไหนนั้นก็ตามกำลังเท่าที่ตนจะทำได้

นายไพบูลย์ พินเที่ยง กำนันตำบลท้ายบ้าน กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุนายหนุ่ยขี่รถจักรยานยนต์มาหาตนที่บ้าน และทักทาย ก่อนที่จะออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร ขณะนั้นนายหนุ่ยก็ไม่ได้มีท่าทีเมาอะไร จึงไม่ได้มีอะไรพิเศษที่บ่งบอกว่า นายหนุ่ยจะไปก่อเหตุ ลึกๆ แล้วตนเองก็ไม่รู้เป็นเรื่องอะไร เพราะเป็นเรื่องภายในของทั้งสองฝ่าย.