
เหยื่อดิไอคอนฯ กว่า 102 คน ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ รวมความเสียหายกว่า 18 ล้าน บางรายเปิดใจ หวังได้เงินคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ผู้เสียหายเริ่มทยอย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ภายหลังจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ออกคำสั่งให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ รับแจ้งความจากประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากกรณีดิไอคอนกรุ๊ป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วประเทศ
ล่าสุด เมื่อช่วงเวลา 16.30 น. วันที่ 18 ต.ค.2567 นางสาวปิติพัฒน์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 49 ปี และ นางสาวภิรมณ์ยา คุ้มภัย อายุ 32 ปี ทั้งสองคนเป็นแค่บางส่วนที่ได้หอบเอกสารหลักฐานการโอนเงิน และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป เข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกและแนะนำให้การเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดมีผู้เข้าแจ้งความกว่า 102 คนแล้ว ค่าเสียหาย 18 ล้านบาท
นางสาวภิรมณ์ยา อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ หนึ่งในผู้เสียหายในคดีดิไอคอนกรุ๊ป เล่าว่า ตนเริ่มต้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เสียหายนั้น สืบเนื่องจากในปี 2563 ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตนเองอยากมีรายได้เสริมในช่วงกักตัว จนไปเจอโฆษณาในโซเชียล เกี่ยวกับการยิงแอด เกี่ยวกับโฆษณาสอนทำคลิปทำคอนเทนต์ สอนยิงแอดขายของออนไลน์ ราคา 29 บาท เห็นว่าราคาถูกจึงสนใจ จ่ายเงินเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์
ช่วงแรกก็ได้เรียนตามที่โฆษณา จากนั้นเริ่มมีสอดแทรกเรื่องการขายสินค้า ขายคอลลาเจน ขายกาแฟ จากนั้นจึงได้สั่งสินค้าเป็นกาแฟและคอลลาเจนวิตามินซีจากแม่ข่ายมาทาน เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ในการสร้างภูมิ จึงสั่งคลังสินค้ากลาง 24,000 บาท เพื่อนำมาขายและใช้เอง กระทั่งนำไปขายให้คนรู้จักและแจกด้วย ใช้เวลากว่า 2 ปี กว่าจะหมด เนื่องจากสินค้าค่อนข้างแพง และมีคนซื้อน้อย ซึ่งนับว่ารายได้ไม่เป็นจริงตามที่โฆษณาชวนเชื่อและวาดฝันไว้ จนได้รู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ปตามข่าว

ด้าน นางสาวปิติพัฒน์ วงษ์สมบูรณ์ กล่าวว่า ตนเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตนเองรู้จักดิไอคอนกรุ๊ป ทางโฆษณาทีวี สอนทำเกี่ยวกับโฆษณาสอนทำคลิปทำ ราคา 95 บาท จากนั้นจึงดึงเข้ากลุ่มซูมเพื่อสอนออนไลน์ จากนั้นจึงได้เริ่มชักชวน หากใครยังไม่มีสินค้าขาย ก็มีมาแนะนำให้เป็นดิไอคอนกรุ๊ป จากนั้นไปเห็นยอดเงินที่ได้จากกำไรจากการขาย 100 เปอร์เซ็นต์จนหลงเชื่อ ยอมไปกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งตนทำงานรัฐวิสาหกิจ เป็นเงินก้อนโต นำกว่า 300,000 บาท มาลงทุนเปิดบิล ครั้งแรกเปิดบิล 250,000 กับสายงาน บอสหมอเอก เพราะคำโฆษณาชวนเชื่อที่ระบุว่า สิ่งที่เราทำ กำไร รายได้ต่าง ๆ จะกลายเป็นมรดกให้ลูกหลานเราได้
ต่อมาทางดิไอคอนกรุ๊ปเป็นวิตามินซี กาแฟ 2 ลัง เพื่อมากินและขาย ต่อมาสินค้าขายไม่ได้เนื่องจากมีราคาสูงกว่าท้องตลาด จึงทานเองไปเรื่อย ๆ และแจกจ่ายให้คนรู้จัก ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีอยู่เต็มบ้าน จนของหมดอายุ และตนต้องสูญเงินและเป็นหนี้ก้อนโต ตนเองเครียดมาก จนเคยคิดจะฆ่าตัวตายและท้อ แต่ได้กำลังใจจากเพื่อนร่วมงานและคนใกล้ตัว แต่ก็มีบ้างมีคนมาซ้ำเติม ทั้งนี้สาเหตุที่ตนออกมาแจ้งความ เพื่อหวังเงินคืนบ้าง เพราะเป็นทางสุดท้ายที่จะทำได้ ทั้งนี้ยอมรับเป็นเรียนที่แพงที่สุดในชีวิตว่าไม่มีธุรกิจอะไรที่ให้กำไรมากขนาดนี้.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ