“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” รรท.ผบ.ตร. ประชุมเร่งรัดคดีบัสมรณะ 23 ศพ เบื้องต้นแจ้งข้อหาแล้ว 3 ผู้ต้องหา รอผลสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน แจ้งดำเนินคดีคนที่อาจเข้าข่ายเพิ่ม
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 4 สภ.คูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีรถบัสที่เกิดเพลิงไหม้จนมีผู้เสียชีวิต 23 ราย ซึ่งเป็นรถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม หมู่ 5 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมีการประชุมร่วมกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เผยหลังประชุมเสร็จว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาไปแล้ว 3 คน ได้แก่ คนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ, เจ้าของรถทัวร์ (ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ) และเจ้าของบริษัทรถทัวร์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด เช่น เจ้าของรถทัวร์คันอื่นๆ ที่เข้าข่ายกระทำความผิด, วิศวกร, เจ้าหน้าที่ขนส่งผู้ตรวจสอบรถ, ร้านค้าผู้ประกอบการที่ติดตั้งก๊าซ โดยแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดฐานใดบ้าง ต้องรอผลรายงานการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายสัปดาห์หน้า จากนั้นก็จะส่งผลให้พนักงานสอบสวนไปประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ แล้วจะให้ระดับกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายสอบสวนพิจารณาหลักฐานร่วมกันในรูปแบบคณะทำงานเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ว่าแต่ละกลุ่มบุคคลเข้าข่ายกระทำการโดยประมาท หรือจงใจ หรือดำเนินการผิด พ.ร.บ.รถยนต์ฯ, พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์
ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้ว และยืนยันจะไม่ให้การสืบสวนสอบสวนมีช่องว่างแม้แต่น้อย และจะไม่ปล่อยให้คดีนี้ออกไปในทิศทางที่ไม่ดีไม่งาม จะต้องตรงไปตรงมา ใครผิดว่าไปตามผิด และต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องตามพฤติการณ์ที่ปรากฏ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ขนส่ง ที่จะต้องพิจารณาว่ามีความผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. หรือไม่ ซึ่งจะต้องสรุปผลและส่งรายงานภายใน 30 วัน
ขณะที่อาการของน้องๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ ยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวอีกไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และได้พูดคุยกับครอบครัวน้องๆ ยืนยันว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ออกแถลงการณ์อาการของเด็กหญิงอายุ 14 ปี ว่าบาดแผลไฟไหม้โดยรวมดีขึ้น ตอบสนองการรักษาดี ไม่พบการติดเชื้อหรือปัญหาข้อติดยึด สามารถทำกายบริหารยืดเหยียดข้อไหล่ ข้อศอกได้ และทำกิจกรรมถักเชือกเพิ่มการใช้งานของข้อมือและนิ้วมือ แต่ยังต้องเฝ้าระวังบาดแผลแขนซ้าย ส่วนสภาพจิตใจอารมณ์คงที่ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ