เหตุสลดเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของ ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี นำนักเรียนเข้ามาทัศนศึกษาที่กรุงเทพฯ ก่อนรถทัวร์เกิดเพลิงไหม้ทั้งคัน ทำให้ครูและนักเรียนเสียชีวิต 23 ราย

สะเทือนใจคนทั้งประเทศ

หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ลงพื้นที่สั่งการช่วยเหลือนักเรียน ครูที่บาดเจ็บ อำนวยความสะดวกการจราจร ตำรวจทางหลวงทำแผนที่ให้คนใช้เส้นทางหลีกเลี่ยง กำชับ ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ควบคุมสำนวนคดีหาข้อเท็จจริงเหตุเพลิงไหม้ หากรถทัวร์ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันทั้งบุคคลและบริษัทจะต้องถูกดำเนินคดี

ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากยางล้อรถทัวร์ระเบิดขึ้นมา ทำให้เกิดประกายไฟ และมีถังแก๊สที่เป็นเชื้อเพลิงอยู่ในรถ ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องโดยสาร เป็นเหตุทำให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมใหญ่

คนขับที่หลบหนี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กดดันทุกทางเข้ามอบตัว สั่งให้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ พ.ตร. จัดตั้งศูนย์ตรวจอัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิต จัดทีมจิตเวช รพ.ตร. ดูแลสุขภาพจิตใจผู้บาดเจ็บและญาติ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. ดูแลการลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานที่เกิดเหตุ

ฟื้นฟูจิตใจเหยื่อ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ทำทุกหนทางเพื่อเป็นการช่วยเหลือ เยียวยาสภาพจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสีย

ทำให้สังคมเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจคิดไม่ต่างกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ รับไม่ได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากการสอบสวนพยานหลักฐานพบเป็นความผิดส่วนใด ผู้ใดเกี่ยวข้องตำรวจพร้อมดำเนินการเด็ดขาด

รรท.ผบ.ตร.อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ บริหารสถานการณ์ จนทุกอย่าง คลี่คลาย เปิดการจราจรเป็นปกติ

เป็นภาวะผู้นำที่สังคมได้เห็นจาก รรท.ผบ.ตร. ทุ่มเททำงาน ลุยงานด้วยตนเอง ตั้งแต่เกิดเหตุจนสถานการณ์คลี่คลาย กำชับสั่งการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตรงไปตรงมา รวดเร็ว เป้าหมายสำคัญเยียวยาจิตใจผู้สูญเสีย

ครบทุกมิติของตำรวจให้สังคมเชื่อมั่น.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม