ผมฟังข่าววัดมหาธาตุเพชรบุรี ทุบงานศิลปะปูนปั้นฝีมือช่างทองร่วงทิ้งด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น แล้วเปิดหนังสือ สมบัติชีวิต ครบรอบ 86 ปี ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว อ่าน เจอเรื่องงานปูนปั้น กับวรรณคดีก็อ่านต่อ

ตอนอยู่ อาจารย์ล้อม สอนวรรณคดี มีเรื่องคุยกับ ผศ.บัวไทย แจ่มจันทร์ อาจารย์สอนศิลปะ ถกวิจารณ์งานศิลปะกันสนุกสนาน เพราะงานศิลปะทุกสาขาสัมพันธ์กับวรรณคดีอย่างแยกกันไม่ออก

ศิลปินเมืองเพชรมักเข้าใจวรรณคดีอย่างลุ่มลึก จะเขียน จะปั้นรูปยักษ์ รูปลิง รู้จักทั้งยักษ์และลิงในรามเกียรติ์ทุกตัว บอกได้ว่าต้องใช้สีอะไร ให้สวมมงกุฎชนิดไหน อ้าปากหรือไม่อ้าปาก

แม้กระทั่งเขี้ยวของยักษ์ก็มีต่างๆ กัน เพราะยักษ์นั้นแสดงฤทธิ์ กันที่เขี้ยว

เช่น ยักษ์ฝ่ายบู๊ ต้องเขี้ยวแหลม ยักษ์ฝ่ายบุ๋นต้องเขี้ยวทู่

อำนาจคือความยาวของเขี้ยว เขี้ยวยาวมีฤทธิ์มาก เขี้ยวสั้นมีฤทธิ์น้อย ด้วยเหตุนี้ ทศกัณฐ์เขี้ยวจึงแหลมยาวโค้งขึ้นไปเกือบจรดตา เป็นสุดยอดของยักษ์ฝ่ายบู๊ ส่วนพิเภกเขี้ยวทู่เป็นสากกะเบือ

หากใครปั้นพิเภกให้มีเขี้ยวแหลม หรือปั้นเสนายักษ์ให้มีเขี้ยวยาว ก็จะเป็นที่เยาะเย้ยถากถางให้ได้อาย

การตัดสินหาชื่อตัวยักษ์ ตามหลักของช่างเมืองเพชรจะดูจากมงกุฎ ลักษณะปาก อาวุธที่ถือ เพราะมีธรรมเนียมนำเสนอที่ชัดเจน

มงกุฎจะดูกันที่ยอดอะไร ภาพเขียนหนึ่งที่อาจารย์ล้อมชวนไปดู เป็นยักษ์ที่มีมงกุฎเป็นยอดกนก ที่รู้จักกันทั่วไป มีอยู่เพียง 3 ตน กุเรปัน ทูษฐ์ และไมยราพณ์ ลักษณะปาก กุเรปันปากแสยะ อีกสองตนปากขบหรือเม้ม

ภาพยักษ์ที่มีลักษณะปากแสยะ ตาโพลง จึงฟันธงได้ว่า คือ กุเรปัน พี่ชายทศกัณฐ์ ยักษ์ในพรหมพงษ์กรุงลงกา

ผมอ่านงานอาจารย์ล้อมต่ออีกหลายตอน จนถึงตอนปูในงานศิลปะ สารภาพไม่รู้มาก่อนปูกับยักษ์มาเกี่ยวข้องกันได้ มีปูในงานวรรณคดี มีปูในบทเพลง เช่น เพลงปูนาขาเก ปูไข่ไก่หลง จับปูดำขยำปูนา

ในทางสำนวนภาษามี รีดเลือดกับปู แม่ปูสอนลูกปู

มาถึงงานจิตรกรรมอาจารย์ล้อม เขียนว่า เราเคยชินกับผลงานของอาจารย์เป้า คือภาพล่องถุนพาลีกับปูยักษ์ (ในหนังสือมีภาพถ่าย) มีเรื่องเล่าว่า ก่อนอาจารย์เป้าจะเขียนท่านให้ศิษย์ไปซื้อปูเป็นๆ มาแก้มัดออกให้ลองไต่

ลองเอาไม้แหย่ให้หนีบ จนได้เห็นลีลาและท่วงท่า แล้วจึงลงมือเขียน

เรื่องพาลีกับปูยักษ์นั้น มีอยู่ในรามเกียรติ์…เมื่อทศกัณฐ์ช่วยยกเขาพระสุเมรุให้ตั้งตรง เป็นความชอบ พระอิศวรประทานนางมณโฑเป็นรางวัล ทศกัณฐ์อุ้มมณโฑผ่านนครขีดขินละเมิดน่านฟ้า

พาลีกล่าวหาขี้ตีนหล่นใส่หัว เหาะขึ้นไปสกัดกั้น ชิงมณโฑได้ ยกขึ้นเป็นนางเมืองจนนางตั้งครรภ์

ทศกัณฐ์ขอร้องฤาษีอังคุตเจรจาจนได้มณโฑคืน พาลียอมคืน แต่ไม่อยากให้ลูกที่ติดท้องไปเกิดเมืองยักษ์ จึงขอให้ฤาษีผ่าท้องมณโฑฝากลูก (องคต) ไปไว้ในท้องแพะ

ทศกัณฐ์อาย อยากทำลายวัตถุพยานแค้น อยากฆ่าองคต แปลงเป็นปูยักษ์ไปดักที่ท่า รอพี่เลี้ยงพาองคตมาอาบน้ำ แต่พาลีไหวทัน จับปูทศกัณฐ์ผูกเชือกให้ลูกชายลากประจาน…ที่มาพาลีจับปู มาจากตอนนี้เอง

เมื่อช่างเฉลิม พึ่งแตง รับงานปั้นลายปูนหน้าบันกุฏิอาจารย์ป้อม วัดพระทรง ช่างเฉลิมเลียนแบบอาจารย์ ให้เด็กไปจับปูมาไต่ดูเป็นตัวอย่าง แล้วปั้นภาพพาลีจับปูยักษ์ ไว้เป็นเกียรติช่างเมืองเพชร ให้เห็นอยู่กันจนวันนี้

ไม่เคยรู้ก็จงรู้ ทศกัณฐ์เคยเสียท่าถูกจับให้เด็กลากเล่น ไม่เหลือลายพญายักษ์มาแล้ว

ใครผู้ใดที่หลงตัวว่ายิ่งใหญ่…ชี้นิ้วสั่งใคร หรือกระดิกนิ้วทางไหน มีแต่คนทำตาม ควรสำนึกระวังกลัวเอาไว้ ก็เพิ่งรู้ๆกันไม่ใช่ฤา เรียกทหารเขายังไม่มา นี่แล สัญญาณกระบวนการหมดลาย ที่ใกล้เข้ามาเต็มที.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม