“ผู้การอิ้ว ปคบ.” แถลงคืบหน้าคดี “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ยึดอายัดรถหรูครบแล้วร่วม 10 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัดขณะนี้ 120 ล้านบาท เผยจากการประสาน ปปง.ตรวจสอบพบทั้งคู่อู้ฟู่ มีบ้านอยู่ในครอบครอง 9 หลัง โฉนดที่ดินอีก 16 แปลง แต่เชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้อยู่ระหว่างขยายผล รวมทั้งการเรียกสอบปากคำบุคคลใกล้ชิด อาทิ เจ๊นุชบางเตยกับเมียหรั่ง ทั้งคู่ตอบรับแล้ว ส่วนเรื่องศิลปินไลฟ์จะมีความผิดด้วยหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงยันให้ความเป็นธรรมทุกคน
ภายหลังตำรวจ ปคบ. บุกจับ “แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร” เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ย่านถนนหทัยราษฎร์ กทม. คาบ้านซอยรามอินทรา 65 พร้อมนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ เรืองอร่าม 2 สามีภรรยา ตามหมายจับศาล อาญาในความผิด 4 ข้อหาคือ ฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมฯ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค กรณีร่วมกันไลฟ์สดขายทองคำไม่ได้มาตรฐาน จากนั้นนำตัวไปฝากขังศาลอาญาพร้อมคัดค้านประกันตัว ก่อนคุมตัวทั้งคู่เข้าเรือนจำ ตำรวจ ปคบ.ยังติดตามทรัพย์สินของ 2 ผัวเมียรวมทั้งการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. สั่งการ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้น 3 จุด จุดแรกบ้านเลขที่ 50/8 ซอยรามอินทรา 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ของ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร และนายกานต์พล เรืองอร่าม 2 ผัวเมีย ผู้ต้องหาคดีหลอกขายทองคำออนไลน์ อีก 2 จุด ที่เหลือเป็นสำนักงาน บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในเครือของแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ อายัดรถหรูได้เพิ่มอีก 3 คัน คือ รถ Lamborghini รุ่น Huracan evo rwd สีน้ำเงิน ทะเบียน 2 ขด 5111 กรุงเทพมหานคร 1 คัน รถ PORSCHE รุ่น 911 carrera s coupe สีขาว ทะเบียน 9กง 222 กรุงเทพมหานคร 1 คันและรถตู้ VIP ยี่ห้อ volkswagen ทะเบียน 1 นจ 8946 กรุงเทพมหานคร
ในส่วนของรถสปอร์ตยี่ห้อ Ford Mustang รุ่น Ecoboost fast back ทะเบียน 9 กฬ 8118 กรุงเทพมหานคร ที่เจ้าหน้าที่ตามหาอีกคันนั้น เมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน พนักงานอู่พ่นสีรถหรูแห่งหนึ่งได้ขับรถมัสแตง สีน้ำเงิน 9กฬ 8118 กรุงเทพมหานคร มาให้พนักงานสอบสวน บก.ปคบ.แจ้งว่าเป็นรถแม่ตั๊กกับป๋าเบียร์นำไปแร็ปสี เดิมเป็นสีแดงแต่ต้องการเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินให้อู่ดำเนินการ รถคันดังกล่าวถูกนำไปแร็ปสีใหม่ตั้งแต่ก่อนเป็นคดีความ แต่หลังแม่ตั๊กกับป๋าเบียร์ถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชนและผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทางอู่ตัดสินใจนำรถมาให้พนักงานสอบสวน ปคบ. ตรวจสอบความถูกต้องและการได้มา เพราะหวั่นส่งผลกระทบต่อทางอู่ อีกทั้งยังทราบว่า กลุ่มผู้เสียหายอยู่ระหว่างการติดตามหารถ และทรัพย์สินแม่ตั๊กกับป๋าเบียร์ที่หายไปด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่หน้าอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีนี้ พล.ต.ต.วิทยากล่าวว่า จะมาชี้แจง 4 ประเด็น ประเด็นแรกเป็นความคืบหน้า หลังมีผู้ เสียหายแจ้งความตำรวจ บก.ปคบ. ในวันที่ 26 ก.ย.ได้สอบสวนรวบรวมหลักฐาน จากนั้นวันที่ 30 ก.ย. ได้ขอหมายค้นและหมายจับและจับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 ราย ต่อมาวันที่ 2 ต.ค. ขอหมายค้น 2 จุด ยึดรถยนต์หรูได้ 5 คัน กระทั่งวันนี้ 7 ต.ค. นำหมายค้นเข้าตรวจยึดรถยนต์หรูที่เหลือตามบัญชีที่ตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 4 คัน พร้อมรถจักรยานยนต์และรถอื่นๆอีกกว่า 10 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้กว่า 120 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิทยากล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาเป็นกรณีบุคคลใกล้ชิด ได้สอบปากคำไปแล้วบางคน อาทิ ผู้จัดการ และแม่บ้าน เหลือเพียง เจ๊นุช บางเตยกับเมียหรั่งได้ออกหมายเรียกมาให้ปากคำวันที่ 10- 11 ต.ค. เบื้องต้นทั้งคู่ตอบรับแล้ว ส่วนกลุ่มดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่ร่วมไลฟ์อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม ขณะนี้อยู่ขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบบุคคลใดเชื่อมโยงเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อหาต่อไป ส่วนประเด็นทรัพย์สิน ได้ตรวจสอบตามข้อมูลที่พบในสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรู ลัมโบร์กินี แมคลาเรน โตโยต้าอัลพาร์ด มัสแตง ไทยรุ่ง ขณะนี้อายัดมาตรวจสอบครบถ้วนแล้ว นอกจากนี้ยังได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทเคทูเอ็น โกลด์ไว้อีก 24 ล้านบาท จากการประสานข้อมูลร่วมกับ ปปง. เบื้องต้นทราบว่าทั้งคู่มีบ้านอยู่ในครอบครอง 9 หลัง โฉนดที่ดินอีก 16 แปลง แต่เชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้อยู่ระหว่างขยายผล สำหรับนาฬิกาหรู 8 เรือน ที่ปรากฏในโซเชียล ตอนนี้ทราบข้อมูลแน่ชัดแล้ว 6 เรือน อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบและตามอายัด ส่วนกรณีของพูลวิลล่าพัทยา ที่ผู้ต้องหาเคยเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลว่าเป็นเจ้าของนั้น ตรวจสอบพบเป็นการจองซื้อ 2 หลัง แต่เนื่องจากพูลวิลล่าดังกล่าวยังไม่เสร็จยังไม่มีการโอนมาเป็นชื่อของทั้งคู่
ผบก.ปคบ.กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการสอบสวนคดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ได้กำชับและมีแนวทางให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาควบคุมกำกับดูแลเพื่อให้การทำงานครอบคลุม เนื่องจากว่ากรณีนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศ ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาได้คืนเงินให้ผู้เสียหายจะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของผู้ต้องหาที่เจตนาจะชดเชยให้ แต่ทางคดีความนับว่าความผิดสำเร็จแล้ว ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องตู้เซฟที่ตรวจยึดได้ในวันที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น พบว่ามีตู้เซฟเล็กที่ผู้ ต้องหาไม่ยอมให้เปิด คาดว่าอาจเป็นตู้ที่ใส่นาฬิกาหรู ในวันนี้ช่วงเย็นนัดทีมทนายกับญาติผู้ต้องหาเพื่อจะขอเปิดตู้เซฟ หากผู้ต้องหาไม่ให้รหัส ก็จะนำช่างมาเปิดเพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมขยายผลเพิ่มเติมว่าสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ต้องหานำมาจำหน่ายนอกเหนือจากทอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางหรืออาหารเสริม ว่าผ่านการรับรองจากทาง อย.หรือไม่จะตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกมิติและทุกประเด็น ยืนยันว่าสำนวนคดีดังกล่าวคืบหน้าไปแล้วกว่า 50% เชื่อว่าจะสามารถเร่งสรุปส่งฟ้องทันครบกำหนดฝากขังอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเกรียงไกรมาศ หรือเคนโด้ พจนสุนทร พร้อมตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายคดี “แม่ตั๊ก กรกนก” กว่า 20 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อสอบถามความคืบหน้าถึงกระบวนการทำคดีและตรวจสอบเส้นทางการเงินเส้นทางทรัพย์สินของแม่ตั๊ก รวมทั้งบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่อาจเข้ามาแทรกแซงคดี ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะที่ผ่านมาได้รับข้อมูลและ รายละเอียดจากสื่อมวลชนมากกว่าจากตำรวจ พ.ต.ท.ปริญญาชี้แจงว่า ขอเรียนให้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอะไรล้วนต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเอาหลักฐานจากในโซเชียลมาแล้วจะสามารถดำเนินการได้ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกมิติ ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายรายอื่นๆด้วยว่าสามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทุกท้องที่ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ บก.ปคบ. เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งให้รวมสำนวนมาไว้ที่ บก.ปคบ.แล้ว ขอให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ส่งสำนวนมารวมภายในวันที่ 25 ต.ค. เพื่อให้ทันส่งฟ้องผู้ต้องหาภายในวันที่ 2 พ.ย.นี้
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ