เปิดตำนานที่มา “ต้นโยนีปีศาจ” ผลมีรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศหญิง พบเพียงแห่งเดียวบน “อุทยานแห่งชาติภูเวียง” จ.ขอนแก่น
วันที่ 31 ต.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อุทยานแห่งชาติภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง พาชมพืชพันธุ์นานาชนิดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในดินแดนที่อยู่อาศัยของไดโนเสาร์ และสัตว์ดึกดำบรรพ์โลกล้านปี ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติและหลุมขุดซากฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ทางอุทยานแห่งชาติภูเวียง ซึ่งจะพบต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่งที่มีตำนานเรื่องเล่าของชาวอีสานและแถบประเทศลาว พม่า กัมพูชา ที่เป็นที่มาของต้นไม้จากอวัยวะของผู้หญิง ซึ่งก็คือต้นโยนีปีศาจ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าต้นมะกอกโคก
สำหรับผลของต้นไม้ชนิดนี้ เมื่อแก่จัดจะแตกออกจากกันเป็นสองส่วน และภายในจะมีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศหญิง จึงเป็นชื่อที่ฟังแล้วแปลกหูและรูปร่างแปลกตา ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นต้นโยนีปีศาจ ซึ่งโยนีมีความหมายคือ อวัยวะเพศหญิง และ ปีศาจ ก็คือ ผี และต้นโยนีปีศาจนี้ในจังหวัดขอนแก่นยังพบเพียงแค่บนพื้นที่ของหลุมขุดฟอสซิลไดโนเสาร์บนอุทยานแห่งชาติภูเวียงเท่านั้น
ต้นโยนีปีศาจนั้น เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองชนิดหนึ่ง เปลือกหนา ดูดอาหารเก่ง เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูงประมาณ 10–15 เมตร เมล็ดมีปีกชอบขึ้นตามดินแถบภูเขาหาดูได้ยาก ด้วยลักษณะของผลเมื่อสุกเต็มที่แล้วเกิดปริแตกออกคล้ายกับโยนี
นายสุธรรม วงษ์จันทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเวียง กล่าวว่า ต้นมะกอกโคก หรือ ต้นโยนีปีศาจนี้ จะเป็นไม้เฉพาะถิ่นเกิดแค่บางพื้นที่ โดยในโซนจังหวัดขอนแก่นนั้น ไม่มีรายงานว่าเจอที่อื่นนอกจากบนอุทยานแห่งชาติภูเวียง และเฉพาะบริเวณหลุมขุดพบไดโนเสาร์ ซึ่งขณะนี้ทางอุทยานฯเองก็ได้มีการขยายพันธุ์เพิ่มด้วย เนื่องจากเป็นไม้พื้นถิ่นที่หายาก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
สำหรับ ต้นมะกอกโคก หรือที่ชาวอีสานและทางฝั่งลาวจะเรียกว่า ต้นหีผี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อโยนีปีศาจนั้น เดิมทีจากชื่อที่ฟังแล้วไม่เพราะ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปลี่ยนชื่อให้ไพเราะว่า โยนีปีศาจ ซึ่งมีความหมายเหมือนเดิม โดยคำว่าโยนีแปลว่าอวัยวะเพศหญิงและปีศาจคือผี
ส่วนตำนานเรื่องเล่านั้น เล่าต่อกันมาว่า มีลูกชายของเจ้าเมืองเขมร ชื่อว่า ท้าวปาจิต ได้เดินทางเสาะแสวงหามเหสี จนกระทั่งพบนางอรพิม ซึ่งเป็นสาวชาวบ้านจนเกิดหลงรักกัน โดยท้าวปาจิตได้พานางอรพิมเดินทางกลับนครนครทมที่เขมร ปรากฏว่าระหว่างเดินทางกลับนั้น เกิดการพลัดหลงกันในป่าขึ้น นางอรพิมก็ต้องเดินป่าคนเดียว ด้วยความเป็นผู้หญิง กลัวว่าจะโดนทำร้ายหรือมีโจรผู้ชายมาฉุดตัวล่วงเกินไป จึงตั้งจิตอธิษฐานขอแปลงกายเป็นผู้ชาย และฝากหน้าอกไว้ที่ต้นงิ้วป่า และอวัยวะเพศขอฝากไว้ที่ต้นมะกอกโคกหรือโยนีปีศาจ
หลังจากนั้น ก็ออกเดินทางตามหาท้าวปาจิตไปจนถึงเมืองจำปา กระทั่งไปเจอธิดาของเจ้าเมืองจำปาถูกงูกัด จึงได้ทำการรักษาด้วยสมุนไพร จากประสบการณ์ที่หลงป่าจึงรู้จักสมุนไพรชนิดต่างๆ เป็นอย่างดี พอรักษาธิดาของเจ้าเมืองจำปาจนหายเป็นปกติ เจ้าเมืองจึงต้องการให้ทั้งคู่อภิเษกสมรสกัน แต่นางอรพิมเป็นผู้หญิง ร่างกายเป็นผู้ชายจึงไม่สามารถอภิเษกสมรสกันได้ จึงบ่ายเบี่ยงและออกบวชอยู่ 7 ปี เพื่อไม่ให้เจ้าเมืองเกิดความไม่พอใจ
กระทั่งมาเจอท้าวปาจิตที่ออกตามหานางอรพิมเช่นกัน แต่ตอนที่เจอกันนั้น ท้าวปาจิตจำนางอรพิมไม่ได้เนื่องจากรูปร่างเป็นผู้ชาย นางอรพิมจึงกลับมาที่ต้นงิ้วป่า และต้นมะกอกโคก หรือต้นโยนีปีศาจ เพื่ออธิษฐานจิตขอหน้าอก และอวัยวะเพศคืนกลับมา และให้ร่างกายกลับมาเป็นผู้หญิงตามเดิม แล้วได้กลับมาครองคู่กับท้าวปาจิตอีกครั้งและเดินทางกลับนครทมที่เขมร ครองเมืองด้วยกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าต้นงิ้วป่าที่มีหนามนั้น จะเป็นเสมือนตัวแทนว่าเป็นหน้าอกของนางอรพิม ส่วนต้นมะกอกโคกที่นางอรพิมฝากอวัยวะเพศเอาไว้ ก็จะมีรูปร่างเหมือนกับอวัยวะเพศหญิง หากนำไปประทับพิมพ์บนทรายหรือดินเหนียวก็จะมีรูปร่างเหมือนกับอวัยวะเพศหญิง
นายสุธรรม กล่าวอีกว่า ต้นมะกอกโคกหรือต้นโยนีปีศาจนั้น ในจังหวัดขอนแก่นจะพบเพียงบนพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูเวียงเท่านั้น และจะมีเยอะตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ในช่วงที่ต้นโยนีปีศาจออกผลนั้นจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะออกผลเป็นพวงเต็มต้น หลังจากนั้นจะเป็นช่วงหน้าแล้งผลของโยนีปีศาจจะแก่แห้งและแตกออกมีเม็ดของผลโยนีปีศาจตกลงผลละ 2 เม็ด และเกิดตามธรรมชาติ ก่อนจะร่วงลงพื้นเหมือนตอนนี้
นอกจากนี้ คนสมัยโบราณนั้นจะนำผลโยนีปีศาจมาเจาะรูและนำไปห้อยคอไว้กับเด็กๆ เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภูติผีปีศาจ ด้วยชื่อสมัยนั้นคือโยนีผีจะสามารถป้องกันผีตัวอื่นๆ ได้ และยังมีสรรพคุณเป็นยาเย็นช่วยลดไข้ได้อีกด้วย โดยจะนำไปฝนเป็นผงรับประทานร่วมกับยาเย็นอื่นๆ ซึ่งต้นโยนีปีศาจนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 10-15 เมตร แต่เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเวียงนั้น เป็นภูเขาหินทรายจะสูงอยู่ประมาณ 10 เมตร และมีความสามารถที่ทนแล้งทนไฟ เนื่องจากมีเปลือกที่หนาปกป้องเซลล์ภายในต้นได้เป็นอย่างดี.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ