เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ได้เกิดเหตุการปล้นปืนและลอบเผาบ้านพัก โดยคนร้ายใช้ระเบิดในการเปิดเซฟคลังอาวุธ จนทำให้เสียหายอย่างหนัก มีผู้เกี่ยวข้องในการสืบสวนตรวจสอบเหตุการณ์หลายหน่วยงาน รวมถึงการเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่คาดว่าเป็นกลุ่มของนายมันโซ ปูเต๊ะ ซึ่งก่อนหน้ามีประวัติการก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การลงทุนตรวจสอบและติดตามกลุ่มคนร้ายแสดงให้เห็นถึงความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง แม้จะยากลำบากในการติดตาม เนื่องจากคนร้ายมีความชำนาญในพื้นที่ แต่การเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อาจจะนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุในอนาคตได้.
รายละเอียดข่าว:
หน่วยความมั่นคงพบเบาะแสผู้ก่อเหตุปล้นปืนและเผาบ้านพักในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวบางส่วนของนายมันโซ ปูเต๊ะ คาดอาศัยความชำนาญพื้นที่หนีกบดานแอบซ่อนตัวในเขตผืนป่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2567 พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผบ.นปพ.ร่วม จ.นราธิวาส พ.ต.อ.มานิตย์ ปานทอง นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 พฐ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย และอีโอดี กองกำกับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส ได้ร่วมเดินทางมายังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ซึ่งตั้งอยู่บ้านบาลา ม.5 ต.โละจูด อ.แว้ง เพื่อร่วมตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงบ้านพักเสียหาย 3 หลัง และใช้ระเบิดเป็นอุปกรณ์ในการเปิดเซฟคลังอาวุธปืนลูกซองที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในสำนักงาน
จากการตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานในเบื้องต้นที่อาคารสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา พบว่า อาคารถูกอนุภาพของระเบิดแสวงเครื่องจำนวน 3 ลูก คือในช่วงก่อเหตุวันที่ 21 ก.ย. 67 จำนวน 1 ลูก และในช่วงเวลา 10.03 น. และ 11.03 น. ของวันที่ 22 ก.ย. 67 อีกจำนวน 2 ลูก รวมเป็น 3 ลูก ทำให้อาคารสำนักงานได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงส่วนหน้าของประตูทางเข้าสำนักงานเล็กน้อย ภายในสำนักงานที่หลงเหลือเป็นซากให้พบเห็น คือ สภาพตู้เซฟซึ่งเป็นคลังเก็บอาวุธปืนลูกซองถูกอนุภาพของระเบิดจนชิ้นส่วนของฝาตู้เซฟหลุดกระเด็นออกไป และที่บริเวณตู้ของตู้เซฟมีร่องรอยคล้ายถูกชะแลงงัดเป็นรูพรุน ตู้เหล็กเก็บเอกสารหลักฐานถูกเพลิงไหม้ และส่วนประกอบของอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการส่งตรวจพิสูจน์ทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ที่ขยายผลไปสู่กลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ
ส่วนหลักฐานชิ้นสำคัญที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นวัตถุพยาน ได้แก่ 1. ภาชนะบรรจุระเบิดแสวงเครื่องเป็นถังเคมีดับเพลิง ซึ่งคาดว่ามีน้ำหนักประมาณ 15 ถึง 20 กก. 2. สะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นข้ออ้อยตัดท่อน 3. วงจรตั้งเวลาด้วยระบบ digital timer และ 4. ดินระเบิด ซึ่งเหตุที่เกิดระเบิดขึ้น 3 ครั้งในอาคารสำนักงาน คนร้ายจุดชนวนระเบิดด้วยการตั้งเวลาทั้ง 3 ลูก วัตถุพยานทั้งหมดจะนำไปสู่กระบวนการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งคราบลายนิ้วมือแฝงของกลุ่มคนร้ายที่ติดอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของอาคารสำนักงาน เพื่อนำไปสู่เบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มีใครบ้าง
การเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เริ่มต้นจากจุดเกิดเหตุอาคารสำนักงาน ก่อนที่จะเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุอาคารบ้านพักอีก 3 หลัง ที่คาดว่าจะทำการตรวจสอบแล้วเสร็จต้องใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 2 วัน จึงไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงจะเหยียบย่ำหลักฐานสำคัญ
รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการป่าภูเขาในการไล่ล่าแกะรอยติดตามกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุตั้งแต่ในช่วงเช้าของวันรุ่งหลังจากมีเหตุการณ์ และคาดว่ากลุ่มคนร้ายได้อาศัยความชำนาญพื้นที่ไปกบดานแอบซ่อนตัวในเขตผืนป่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี แว้ง และพื้นที่สุไหงโก-ลก บางส่วน คือ กลุ่มของนายมันโซ ปูเต๊ะ ที่ทางการต้องการตัวได้ก่อเหตุคดีความมั่นคงในพื้นที่หลายคดี
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ