คลื่นมหาชนเตรียมส่ง 23 ร่าง ครู-นักเรียนเหยื่อบัสมรณะสู่สวรรค์ พ่อเมืองอุทัยฯมั่นใจทุกภาคส่วนพร้อมรองรับในวันพระราชทานเพลิงศพ 8 ต.ค.นี้ จะจัดให้ยิ่งใหญ่สมบูรณ์เพื่อส่งทุกดวงวิญญาณไปสู่สุคติ “สัปเหร่อไฮโซ” ขอเป็นจิตอาสาพาทีมงานมาทำพิธีให้ฟรี ด้านเจ้าของเตาเผาเผย ติดตั้งเตาเผาไฟฟ้าไว้ 7 เตา มีเตาน้ำมันสำรองอีก 2 เตา เป็นเตาเดิมเคยใช้เผาร่างน้องๆศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู กฟภ.ส่งรถโมบายสำรองไฟฟ้าเต็มสูบ “นายกฯอิ๊งค์” เรียกทุกหน่วยงานร่วมถกวาระเร่งด่วน วางแนวทาง-มาตรการป้องกันแก้ไขการคมนาคมให้ปลอดภัยทั้งระบบ

โศกนาฏกรรมสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ กรณีรถบัสโดยสารของบริษัทชินบุตรทัวร์ ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี เกิดเหตุไฟไหม้วอดทั้งคัน คลอกร่างนักเรียนและครู รวม 23 ชีวิตสิ้นใจคากองเพลิง ขณะจะไปทัศนศึกษาที่กรุงเทพฯ เหตุเกิดบนถนนวิภาวดี รังสิต บริเวณหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ช่วงสายวันที่ 1 ต.ค. สาเหตุจากแก๊ส NGV รั่วไหล เพราะสายต่อชำรุดและติดตั้งถังก๊าซ CNG เกินจำนวนจดแจ้งไว้กับทางขนส่ง

บรรยากาศเช้าวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธีพระราช ทานเพลิงศพของครูและนักเรียนทั้ง 23 ราย เหยื่อบัสโดยสารมรณะไฟไหม้ พิธีจะจัดขึ้นบริเวณสนามกีฬา ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ในวันที่ 8 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป ในวันนี้คนงานพร้อมเจ้าหน้าที่และจิตอาสา ช่วยกันติดตั้งเต็นท์โดมเพื่อใช้รองรับผู้มาร่วมพิธีสามารถรองรับได้ประมาณ 6,000 คน พร้อมกับเริ่มติดตั้งเตาเผาไฟฟ้า จำนวน 7 เตา และเตาสำรองใช้น้ำมันอีก 2 เตา จะอยู่ห่างจากเต็นท์โดมประมาณ 30 เมตร

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผวจ.อุทัยธานี เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ว่า การควบคุมการวางเตาเผา มีนายเนรมิต ศรีเมือง ฉายา “สัปเหร่อไฮโซ” เดินทางมาเป็นจิตอาสาช่วยดูแลการวางระบบเตาเผาไฟฟ้า ส่วนเต็นท์โดมขนาดใหญ่มีอยู่ 4 โดม ปูพื้นด้วยไม้พาเลตเพื่อวางเก้าอี้ประมาณ 5,000 ตัวรองรับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมแสดงความไว้อาลัย ทางจังหวัดได้ระดมทุกภาคส่วนมาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด เพราะมีระยะเวลาดำเนินการค่อนข้างสั้น ในวันพิธีจะไม่อนุญาตให้จอดรถยนต์ภายในโรงเรียนและสถานที่โดยรอบ ได้จัดเตรียมสถานที่จอดรถไว้โดยเฉพาะ และจะมีรถคอยให้บริการรับ-ส่ง ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการรถสองแถวเข้ามาคอยรับส่งพี่น้องประชนให้ได้รับความสะดวก

“ในฐานะผู้ว่าฯอุทัยธานี ขอเป็นตัวแทนครอบครัวของครูและนักเรียนทั้ง 23 ครอบครัว ขอบคุณน้ำใจจากพี่น้องชาวอุทัยธานี และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่หลั่งไหลเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างล้นหลาม ทำให้การจัดงานให้กับผู้เสียชีวิตออกมาสวยงามและยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมกันส่งดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตทุกรายไปสู่สุคติ ส่วนพิธีพระราชทานเพลิง จะซักซ้อมการประกอบพิธีกันก่อนช่วงบ่ายวันที่ 7 ต.ค. เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆ” นายธีรพัฒน์กล่าว

นายเนรมิตร ศรีเมือง เผยว่า ได้นำทีมงานมาช่วยงานโดยไม่รับค่าจ้างหรือผลตอบแทน และยังรวบรวมเงินมาทำบุญให้กับทั้ง 23 ศพด้วย จะทำตามพิธีขั้นตอนแบบละเอียด เพราะเป็นงานพระราชทานเพลิงศพพิธีในช่วงเช้าจะเริ่มจากไหว้เจ้าที่เจ้าทาง และไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทีมงานและผู้มาร่วมงาน ก่อนจะเผาศพให้ถูกต้องตามประเพณีความเชื่อ การสูญเสียครั้งนี้ไม่เพียงแค่ญาติพี่น้องที่เสียใจ แต่คนไทยทั้งประเทศล้วนอยู่ในความโศกเศร้า หดหู่ สะเทือนใจไปด้วย

นายชาญณรงค์ ใช้บางยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามเอ็นจิเนอร์ริ่ง แอนด์เทคโนโลยี จำกัด เผยว่า ได้นำเตาเผาไฟฟ้ามาเพิ่มอีก 2 เตา จากอ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นเตาเผาชุดเดียวกับที่ใช้เผาน้องๆศูนย์เด็กเล็กที่ จ.หนองบัวลำภู ขณะนี้มีเตาเผาระบบไฟฟ้า 7 เตา และเตาเผาสำรอง 2 เตา ระบบน้ำมัน จะใช้เวลาเผาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าเป็นเด็กใช้เวลาเผา 40-45 นาทีต่อร่าง ถ้าเป็นผู้ใหญ่ น้ำหนักตั้งแต่ 50 กก.ขึ้นไป ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงต่อร่าง ตอนนี้ทีมงานได้ประกอบติดตั้งเตาเผาทั้ง 7 เตาเสร็จแล้ว และจะทดสอบระบบให้มีความพร้อมสมบูรณ์มากที่สุด

นายสมเชิง ลี้ลือเดช ผู้จัดการ การไฟฟ้าจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ในการจัดงานครั้งนี้การไฟฟ้าภูมิภาค ได้รับภารกิจ 3 ส่วนหลัก ภารกิจแรกเดินระบบไฟฟ้าโลงเย็น ทั้ง 23 โลง ติดตั้งเบรกเกอร์ระบบไฟฟ้าสำรอง เป็นรถยนต์โมบาย 2 คัน ไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์ของโรงเรียน ภารกิจที่ 2 ระบบแสงสว่างภายในกองอำนวยการทั้งหมด มีรถยนต์โมบายสำรองระบบไฟฟ้าให้อาคารต่างๆ รวมทั้งบูธอาหารพระราชทาน และบูธอาหารต่างๆจากจิตอาสา และภารกิจที่ 3 ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง ดูแลระบบไฟฟ้าของเตาเผาไฟฟ้าในวันพระราชทานเพลิงศพ ขณะนี้การดำเนินการต่างๆของการไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ระบบทุกอย่างสมบูรณ์พร้อมใช้งาน

วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เผยว่า ในวันที่ 7 ต.ค. เวลา 10.40 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับการคมนาคมในทุกรูปแบบ หารือเรื่องความปลอดภัยทางถนน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับฟังปัญหาการคมนาคมในทุกรูปแบบของประเทศ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ รวมถึงแนวทางแก้ไขป้องกันทั้งระบบ โดยเฉพาะการเดินทางทางถนนให้มีความปลอดภัยได้มาตรฐานการคมนาคม

สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเสนอผลสำรวจเรื่อง ความปลอดภัยรถทัศนศึกษา ใครต้องรับผิดชอบ ระหว่างวันที่ 4-5 ต.ค.67 จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ รวม 1,006 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนต้องการให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียน 98% ส่วนความจำเป็นต้องมีการทัศนศึกษานอกสถานที่ 66.8% ยังมองว่าจำเป็น ขณะที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.4 ระบุว่าเป็นหน้าที่เจ้าของรถบัสทัศนศึกษา และร้อยละ 79.9 ระบุโรงเรียนที่จัดทัศนศึกษาต้องมีความรับผิดชอบสูงสุดต่อความปลอดภัย สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา มีความต้องการสูงให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบความปลอดภัยและเตรียมมาตรการรับมือฉุกเฉิน ที่สำคัญความต้องการให้ปฏิรูปความปลอดภัยในการเดินทางทั้งระบบ มีถึง 99.2% และให้ครอบคลุมทุกกลุ่มไม่จำกัดเฉพาะนักเรียน