เซ่นพิษระเบิดสังหารถล่มงานกาชาดอุ้มผาง “ผู้การตาก” เซ็นคำสั่งเด้งด่วน ผกก.สภ.อุ้มผาง ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.6 พิษณุโลก พร้อมสั่งล้อมคอกทุกโรงพัก เข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยจัดงานเทศกาลรื่นเริง ตั้งชุดตรวจค้นพิเศษสกัดอาวุธก่อนเข้างานอย่างเข้มงวด ด้านอาการ 6 ผู้บาดเจ็บรักษาตัว รพ.แม่สอด ปลอดภัยแล้ว สะเทือนใจ 2 พี่น้องไร้เดียงสา ไม่รู้พ่อเป็น 1 ในเหยื่อบึมตายแล้ว นั่งเฝ้าหน้าโลงเคาะเรียกให้ตื่นมากินข้าวด้วยกัน
จากงานรื่นเริงกลายเป็นเหตุสะเทือนขวัญ กรณีคนร้ายปาระเบิดสังหารตกหน้าเวทีรำวงย้อนยุคในงาน “อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้าและงานกาชาด” อำเภออุ้มผาง ปี 2567 จัดขึ้นที่ลานสนามบินเก่า อ.อุ้มผาง จ.ตาก มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บ 56 ราย สาหัส 6 ราย ตำรวจ สภ.อุ้มผาง จับเยาวชนชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง อายุ 16 ปี สังกัดกองทัพกอทูเล มือปาระเบิด และเยาวชนสัญชาติไทย เชื้อสายกะเหรี่ยง อายุ 17 ปี เพื่อนสนิท อ้างเจอคู่อริคนไทยที่มีเรื่องกันในงานลอยกระทงปีกลาย กำลังเต้นอยู่หน้าเวทีรำวงเลยควักระเบิด MK2 ที่ยึดจากค่ายทหารเมียนมาปาเข้าใส่ ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ ผบก.ภ.จ.ตาก ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ก่อนจัดงาน ตำรวจท้องที่ได้ประชุมวางแผนดูแลรักษาความปลอดภัยหรือไม่ และให้พิจารณาข้อบกพร่องทางวินัยและการปกครองทันที
ความคืบหน้าเหตุการณ์ เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 ธ.ค. ที่ตึกหอผู้ป่วยศัลยกรรม รพ.แม่สอด จ.ตาก พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.จ.ตาก นายบุญช่วย หอมยามเย็น รอง ผวจ.ตาก รรท.ผวจ.ตาก นายสัญญา เพชรเศษ นอภ.แม่สอด นพ.รเมศ ว่องวิไลรัตน์ ผอ.รพ.แม่สอด เจ้าหน้าที่ พม.ตาก และตำรวจ สภ.แม่สอด นำกระเช้าปลอบขวัญเข้าเยี่ยมอาการเหยื่อคนร้ายขว้างระเบิดสังหารใส่ฝูงชนหน้าเวทีรำวงย้อนยุค ในงานอะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้าและงานกาชาดอำเภออุ้มผาง มีผู้บาดเจ็บสาหัสถูกส่งจาก รพ.อุ้มผาง มารักษาตัว รพ.แม่สอด รวม 6 ราย ทั้งหมดได้รับการรักษาดูแลจากแพทย์และพยาบาลจนพ้นขีดอันตราย อาการดีขึ้นตามลำดับ
น.ส.ทิพย์เกสร จันเริง อายุ 18 ปี ชาว อ.อุ้มผาง หนึ่งในผู้บาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดที่รอดตายมาได้ เล่านาทีชีวิตว่า วันเกิดเหตุตนและเพื่อนหลายคนไปเที่ยวงานกาชาดอำเภออุ้มผาง เข้าไปร่วมเต้นรำในเวทีรำวงย้อนยุค ตอนนั้นมีคนหลายร้อยคนเต้นรำกันสนุกสนาน จู่ๆมีเสียงระเบิดดังตูม สนั่นเวทีรำวง 1 ครั้ง ตามด้วยฝุ่นดินฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว ผู้คนวิ่งหนีตายอลหม่าน หลังฝุ่นควันจางลงเห็นคนล้มกองระเนนระนาด บางคนมีเลือดท่วมตัว ตนถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำคอและขาเลือดไหลโกรก ถูกนำตัวส่ง รพ.อุ้มผาง และส่งต่อมา รพ.แม่สอด ครั้งนี้เป็นเหตุระทึกขวัญครั้งแรกในชีวิต โชคดีรอดตายได้หวุดหวิด อยากให้ผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่คุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น จะได้ไม่มีเหตุสลดใจเกิดซ้ำอีก
พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.จ.ตาก กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดรักษาตัวอยู่ รพ.อุ้มผาง 10 ราย และ รพ.แม่สอด 6 ราย ทุกคนอาการพ้นขีดอันตรายและปลอดภัยแล้ว ส่วนคดีผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายดิดิ ไม่มีนามสกุล อายุ 16 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นทหารชนกลุ่มน้อยในเมียนมาและเป็นผู้ปาระเบิดถล่มผู้บริสุทธิ์ ส่วนอีกคนคือนายจอลิทู (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี สัญชาติไทย ทั้งสองรับสารภาพร่วมกันก่อเหตุจริง พนักงานสอบสวน สภ.อุ้มผาง ได้สอบสวนขยายผลทางคดีเพิ่มเติม พร้อมร่วมกับทีมสหวิชาชีพสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ส่วนการถอดบทเรียนจากเหตุขว้างระเบิดในครั้งนี้ ได้มีหนังสือให้ทุกสถานีตำรวจทุกแห่งในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดตากเพิ่มมาตรการควบคุมรักษาความปลอดภัยงานเทศกาลทุกแห่ง ตลอดพื้นที่แนวชายแดน จ.ตาก ให้ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองทุกอำเภอ ตั้งศูนย์ประสานงานร่วมรักษาความปลอดภัยในงานประจำปีทุกแห่งให้เป็นระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เน้นทั้งการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทุกประเภท และให้ตั้งชุดตรวจค้นพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าร่วมงานเทศกาลทุกแห่ง เพื่อให้พื้นที่จัดงานทุกแห่งปลอดภัย ปลอดอาวุธ ขณะนี้ทุกสถานีตำรวจได้ดำเนินการเพิ่มความเข้มงวดแล้ว” ผบก.ภ.จ.ตาก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิษแรงระเบิดงานกาชาดอำเภออุ้มผาง ส่งผลให้มีคำสั่งเป็นหนังสือราชการด่วนจาก พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.จ.ตาก มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ศุภกร พิพัฒน์พิมพา ผกก.สภ.อุ้มผาง จ.ตาก ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 (ศปก.ภ.6) โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม และให้ไปรายงานตัวในวันที่ 16 ธ.ค.67 ที่ ศปก.ภ.6 อ.เมืองพิษณุโลก คำสั่งดังกล่าวลงนามวันที่ 14 ธ.ค.67
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก “คนอุ้มผาง” ได้แชร์เรื่องราวบีบหัวใจ พร้อมโพสต์ภาพสลดใจ พี่สาววัย 7 ขวบ และน้องชาย วัย 1 ปี 7 เดือน นั่งเกาะโลงศพบิดาคือ นายยอดรัก เฉลิมเจริญกุล อายุ 23 ปี ชนเผ่าปกาเกอะญอ ผู้เสียชีวิตจากเหตุปาระเบิดหน้าเวทีรำวงย้อนยุคในงานกาชาดอำเภอ
อุ้มผาง หลังญาติได้เคลื่อนศพมาทำพิธีที่บ้าน ในหมู่บ้านกุยเลอตอ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก ท่ามกลางความเสียใจของญาติ โดยเฉพาะมารดาของนายยอดรัก นั่งเหม่อลอยมองโลงศพลูกชาย น้ำตาคลอเบ้า ขณะที่ลูกน้อยทั้งสองคนของนายยอดรักที่อยู่ในวัยไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าพ่อตายจากไปแล้ว นั่งเฝ้าหน้าโลงศพบิดา และเคาะโลงเรียกให้พ่อตื่นมากินข้าวด้วยกัน ก่อนหน้านี้นายยอดรักเพิ่งสูญเสียภรรยาเมื่อปี 2566 ด้วยอุบัติเหตุทางรถ จยย. ต้องใช้ชีวิตกับลูกน้อยทั้ง 2 คนเพียงลำพัง กระทั่งตัวเองมาถูกลูกหลงระเบิดในงานกาชาดเสียชีวิตไปอีกคน ทำให้ครอบครัวขาดเสาหลัก ลูกขาดทั้งพ่อและแม่ ต้องเป็นเด็กกำพร้าไร้อนาคต
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ