“เจ๊อ้อย” เบิกพยานคู่แค้น “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันเรื่องที่โพสต์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI เป็นความจริง

จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้นำคลิปวิดีโอการสนทนากันระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กับ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เจ้าของวลี “ความจริงก็คือความจริง” คู่กรณีคดีหวย 30 ล้านอลเวง ระหว่าง ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน มาโพสต์ลงในเพจ พร้อมกับระบุว่า นายษิทรา เคยปลอมตัวไปคุยกับครูปรีชา พร้อมอัดเสียง อัดคลิปวิดีโอ เพื่อมาเป็นหลักฐานในการต่อสู้ ทั้งยังนำไปเปิดโชว์สื่ออีกด้วย

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 20 พ.ย. 2567 มีรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ได้เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อเป็นพยานคดีในกรณี เพจออยศรีและผองเผือก ถูกทนายตั้มฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพื่อยืนยันในข้อมูลที่ “เพจออยศรีและผองเผือก” เขียนลงโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเรื่องจริง พร้อมกับย้อนให้ฟังว่า

เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2560 ช่วงเวลาประมาณ 11 โมง ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี ขณะที่ตนกำลังสอนอยู่ โดยทนายษิทรามากับทีมงานเป็นวัยรุ่นประมาณ 2-3 คน แสดงตัวกับตนว่า มาจากดีเอสไอ และระบุว่า มาเป็นผู้ประสานงานระหว่างตนกับลุงจรูญ เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ก็ขอดูโทรศัพท์ตน เพื่อดูบันทึกการพูดคุยการสั่งซื้อลอตเตอรี่ทางแอปพลิเคชันไลน์ พร้อมกับมีการแอบถ่ายคลิป ขณะที่มีการพูดคุยกัน ซึ่ง ณ ตอนนั้นตนไม่ทราบว่า ทนายตั้มเป็นทนายให้กับลุงจรูญ คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจึงไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมาทราบข่าวภายหลัง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่า พฤติกรรมของทนายตั้มที่มีการแฝงตัวมาหาข้อมูลแล้วนำข้อมูลมาสู้คดีกับตนนั้น ถือเป็นการผิดจรรยาบรรณทนายเป็นอย่างมาก และใช้วิชาชีพด้านทนายในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตนยืนยันว่าการมาเป็นพยานในวันนี้นั้นมีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้วไม่ใช่เป็นการมาซ้ำทนายตั้ม ขณะที่ถูกดำเนินคดีอยู่ เป็นความจริงแต่ที่เดินทางมาเป็นพยานให้กับ “เพจออยศรีและผองเผือก” เพราะอยากจะชี้แจงในข้อมูลที่เป็นความจริง

ส่วนที่มีคนแซวว่า ตนเดินทางมาจากกาญจนบุรี เพื่อมาเป็นพยานในครั้งนี้นั้น เป็นการรอจังหวะเอาคืนทนายตั้มหรือไม่ ตนยืนยันว่า “ความจริงก็คือความจริง”

ทางด้าน “ออยศรีและผองเผือก” เผยว่า ในส่วนคดีของตนนั้น เมื่อวานทางศาลได้มีการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ซึ่งทางทนายตั้มได้มีการส่งผู้รับมอบอำนาจมาแทน 1 คน โดยวันนี้ศาลได้มีการนัดสืบพยานทางจำเลย ซึ่งตนก็ได้รับความเมตตาจากครูปรีชา มาเป็นพยานให้ พร้อมมายืนยันข้อเท็จจริงในส่วนของครูปรีชา ในกรณีที่ทนายตั้มเคยแอบเข้าไปถ่ายข้อมูลจากครูปรีชา

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะอยู่ในกระบวนการรอคำพิพากษา สำหรับคดีแรกที่ได้มีการสืบพยานไปแล้วเมื่อวันที่ 10-11 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีทนายสายหยุดเป็นทนายให้กับทนายตั้มในคดีหมิ่นประมาท โดยจะมีคำพิพากษาครั้งแรกในวันที่ 28 พ.ย.นี้.