“เจ๊อ้อย” เข้ากองปราบฯให้ปากคำคดีกล่าวหา “ทนายตั้ม” โกงลงทุนหวยออนไลน์ 71 ล้านบาทเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังก่อนหน้าให้ปากคำมาราธอนถึง 12 ชม. เป็นการให้ปากคำติดต่อกัน 2 วันซ้อน ด้านทนายผู้เสียหายยันหลังให้ปากคำเสร็จ “เจ๊อ้อย” จะให้สัมภาษณ์สื่อแน่ หลังจากคืนก่อนหน้าตั้งตัวไม่ทันเหตุนักข่าวฮือมารุม ขณะที่รอง ผบช.ก.เผยยังไม่มีการออกหมายจับตอนนี้
กรณี น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส เข้าแจ้งความเอาผิดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ข้อหาฉ้อโกงต้มลงทุนหวยออนไลน์สูญเงิน 71 ล้านบาท กลายเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจเพราะเงื่อนปมหลายเรื่องโดยเฉพาะด้านลบของทนายคนดังถูกนำมาเผยในสื่อออนไลน์ ก่อนคดีถูกโอนจาก สภ.ปากช่อง มาอยู่ในมือตำรวจสอบสวนกลาง โดยผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ กับตำรวจกองปราบมาราธอนร่วม 12 ชม. เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้ตั้งคณะทำงานสอบสวน มอบหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้า พร้อมระบุว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เผยถึงความคืบหน้าในการสอบปากคำ น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย อุบลเลิศ ที่เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) หลังสอบปากคำนาน 12 ชั่วโมง ว่า น.ส.จตุพรให้ปากคำด้วยท่าทีผ่อนคลายไม่ได้มีความเครียด ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดี ให้ข้อมูลทุกประเด็นที่รู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนจะเรียกมาสอบปากคำอีกหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาหลักฐานต่างๆว่ามีประเด็นไหนที่ขัดแย้งจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับมาหรือไม่ก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม การสอบปากคำวานนี้ น.ส.จตุพรยืนยันว่าเงิน 71 ล้านบาท ไม่ได้ให้กับทางทนายชื่อดังโดยเสน่หา
เมื่อถามว่าจะออกหมายจับภายในวันนี้เลยหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ระบุว่า ในส่วนของคดียังไปไม่ถึงจุดที่จะออกหมายจับยังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อหา และพยานหลักฐานต่างๆ ตอนนี้ในคดีจะมุ่งเน้น ไปที่คดีฉ้อโกงที่ น.ส.จตุพรแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ในการสอบปากคำเพิ่มเติมหรือการรวบรวมพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่สืบสวนทำอยู่ตอนนี้เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง ในส่วนคดีฉ้อโกงประชาชน ถ้าหากพยานหลักฐานเพียงพอว่ามีการกระทำความผิดจริง ในเบื้องต้นจะไม่มีการออกหมายจับแต่จะเป็นการออกหมายเรียกแทน ส่วนกรอบระยะเวลานั้นยังไม่สามารถจะตอบได้ เนื่องจากจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนอีกประเด็นหนึ่ง แต่จะเป็นความผิดในเรื่องอื่นหรือไม่ทุกอย่างจะต้องทำด้วยความรอบคอบอยากจะขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานสอบสวนก่อน
เมื่อถามว่าขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากหรือน้อยเท่าไหร่ที่จะแจ้งข้อหาได้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่า ในคดีนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างเยอะไม่รู้ว่าจะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หรือพยานหลักฐานจะจบไว้ที่เพียงเท่านี้ อยากขอเวลาทำงาน ภายในวันนี้พนักงานสืบสวนจะยังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆกันต่อไป
ต่อมาเวลา 10.05 น. น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน หลังมาให้ปากคำมาราธอนเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) อีกครั้ง วันนี้เจ๊อ้อยสวมแว่นสีดำ ใส่หมวกสีดำเดินมาด้วยท่าทีที่สบายๆ เมื่อถามว่าวันนี้มาทำอะไรที่ บช.ก. เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามรีบเดินขึ้นลิฟต์ไปในห้องพนักงานสอบสวนทันที
ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ “เจ๊อ้อย” เผยว่า วันนี้หลังจากเจ๊อ้อยให้ปากคำเจ้าหน้าที่เสร็จแล้วจะลงมาให้สัมภาษณ์ อยากให้สื่อมวลชนจัดระเบียบให้เรียบร้อย ไม่ให้เกิดการรุมเหมือนเมื่อวานนี้ ยืนยันเจ๊อ้อยพร้อมที่จะให้สัมภาษณ์แต่จะให้ในประเด็นใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับเจ๊อ้อย เมื่อวานนี้ที่เจ๊อ้อยถูกสื่อมวลชนรุมล้อมทำให้เกิดความมึนงงตั้งตัวไม่ทัน ส่วนในวันนี้ที่มา บช.ก.เพื่อจะให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมแต่จะให้ปากคำในประเด็นใดนั้น ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
ก่อนนี้เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 31 ต.ค. บรรยากาศที่กองปราบฯหลังเจ๊อ้อยหรือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ได้สอบปากคำเสร็จสิ้น ใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่า 12 ชั่วโมง ระหว่างที่ลงมากลุ่มผู้สื่อข่าวได้กรูสอบถามเกี่ยวกับการให้การกับตำรวจ เจ๊อ้อยได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมเดินหนีไปขึ้นรถ Mercedes Benz สีดำ คันที่มีปัญหา ซึ่งก่อนหน้านี้เจ๊อ้อยเคยระบุว่า รถคันนี้เป็นชนวนต้นเหตุที่ทำให้รู้สึกว่าถูกทนายคนดังฉ้อโกง เนื่องจากซื้อแพงเกินราคากว่าที่ขายในท้องตลาด ได้มอบหมายให้ทนาย ความชี้แจงกับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวแทน
ขณะที่นายสมชาติ พินิจอักษร เปิดเผยว่า รายละเอียดต่างๆอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าเงิน 71 ล้านบาท ลูกความตนไม่ได้ให้โดยเสน่หาตามที่ทนายความชื่อดังกล่าวอ้าง มีหลักฐานทุกอย่างและได้มอบให้พนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว เบื้องต้นจะแจ้งความเอาผิดข้อหาลักทรัพย์ก่อน แล้วถ้าหากพนักงานสอบสวนเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม จะประสานลูกความ มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ทนายความคู่กรณียืนยันว่าเจ๊อ้อยให้เงินมาด้วยเสน่หานั้น ถือเป็นสิทธิ์ที่เขาจะชี้แจง แต่ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าคู่กรณีจะเป็นนักกฎหมาย ก็ไม่ทำให้ หนักใจ เพราะเชื่อว่านักกฎหมายก็สามารถที่จะทำผิดได้เหมือนกัน ถ้าหากตนทำผิดก็จะออกมายอมรับผิดแบบลูกผู้ชาย
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ