เจ้าของหมู่บ้านจัดสรร อดีตประธาน กต.ตร.สภ.ไทรน้อย ยิงหุ้นส่วนดับก่อนลั่นไกตาม คาดสาเหตุเครียดเรื่องเงินค้างจ่ายค่างานมาหลายเดือน

เมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ร.ต.อ.ชัยพงษ์ ชมภูสาร รอง สว.สอบสวน สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย ภายในสำนักงานขายหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พ.ต.ท.อดิศร บุญสนอง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เรวัติ สุริยะ สว.สส. อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และประสานแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในสำนักงานขาย บนพื้นห้องบริเวณโต๊ะทำงานด้านหลังพบศพ น.ส.กนกวรรณ แจ่มทรัพย์ไพศาล หรือ หนู อายุ 54 ปี หุ้นส่วนของโครงการหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว สวมชุดสีชมพูลายดอกนอนตะแคงถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต ห่างไปเล็กน้อยพบศพ นายสุพจน์ ปัญญาเทพ อายุ 55 ปี เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวและเป็นอดีตประธาน กต.ตร.สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี สวมเสื้อโปโลสีขาวน้ำเงินกางเกงยีนส์ ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต สภาพนั่งบนเก้าอี้ ที่พื้นพบปืนพกสั้นแบบออโต้ตกอยู่ที่พื้นบริเวณวางขา 1 กระบอก บนพื้นพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 2 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.อรวรรณ พนักงานขายหมู่บ้าน กล่าวว่า ขณะที่ น.ส.กนกวรรณ นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้านใน ส่วนตนเป็นพนักงานขายนั่งอยู่โต๊ะด้านหน้า เวลาประมาณ 17.00 น. นายสุพจน์ ได้เดินเข้ามาในสำนักงานขาย บอกว่าจะคุยธุระกับพี่หนู ให้ตนออกไปก่อน ตนจึงออกมานั่งข้างนอกกับแม่บ้าน

จากนั้นสักพักได้ยินเสียงดังปัง 2 ครั้ง นึกว่าเขายิงไล่นกพิราบ จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ตนจะกลับบ้านแต่เขายังไม่ออกมา ไฟก็ยังเปิดอยู่ จึงคิดว่าเขาน่าจะคุยกันอยู่ จึงเดินไปบอกเขาว่าพี่หนูกลับแล้วนะ แต่เขาก็เงียบจึงเปิดประตูเข้าไปได้กลิ่นควัน จึงตะโกนเรียกพี่หนู ๆ และมองไปที่พื้นมีผ้าขี้ริ้วอยู่เห็นปลอกกระสุนตกอยู่ จึงคิดว่าน่าจะมีเหตุแล้ว จึงวิ่งออกมาเรียก รปภ.ให้เข้าไปดู ส่วนตนไม่ได้เข้าไปดูเพราะไม่กล้าดู จากนั้นจึงได้โทรเรียกกู้ภัย เขาทะเลาะอะไรกันไม่รู้เขาเป็นหุ้นส่วนกัน และไม่เคยรู้ว่าเขามีปืนพก

นายสุทัศน์ นิยมราษฎร์ อายุ 58 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) หมู่บ้าน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปเปิดไฟด้านในหมู่บ้านจึงไม่ทราบ เมื่อออกมาเจ้าหน้าที่สำนักงานขายเขาเรียกตนเข้าไป ก็เห็นเจ้านายนอนแหงนอยู่บนเก้าอี้มีเลือดออก ก็ไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง ส่วนเจ้านายผู้หญิงอีกคนก็นอนอยู่บนพื้นตรงหลังโต๊ะ ซึ่งขณะที่ตนเข้าไปในสำนักงานเวลาประมาณ 18.00 น. เข้าไปก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

เมื่อเปิดไฟเสร็จออกมาเห็นรถเจ้านายเปิดไฟอยู่ ก็คิดว่าเจ้านายจะกลับบ้าน แล้วตนกำลังจะเดินไปเปิดไฟตรงนั้นพอดี แต่สำนักงานขายเขาเรียกตนให้เข้าไปดูในสำนักงานหน่อย ก็เห็นนอนนิ่งอยู่มีเลือดเต็มเลย ตนจึงให้เขาแจ้งรถกู้ภัย

ด้าน นางวรรณา อายุ 52 ปี ฝ่ายจัดซื้อของหมู่บ้าน กล่าวว่า ผู้ชายเขามีปัญหาเรื่องเงิน ไม่ได้โอนจ่ายค่างานหลายเดือนแล้ว ส่วนเขาทะเลาะกันหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะตนไม่ได้อยู่ในนั้นด้วยตนอยู่อีกห้องหนึ่ง เขาก็เคยบ่นว่าเครียด แต่ก็มีบ้างเขาทะเลาะกันเรื่องงาน ตนรู้เพียงแต่ว่าผู้หญิงเขามาช่วยเรื่องบัญชี

น.ส.กัญญาพัชร แจ่มทรัพย์ไพศาล อายุ 18 ปี หลานของ น.ส.กนกวรรณ ที่ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวว่า ตนอยู่บ้านตรงข้ามกับ น.ส.กนกวรรณ ซึ่งเป็นป้า แต่ป้าจะมากินข้าวที่บ้านตนตลอดทุกวันตอนเย็น วันนี้ตอนเย็นไม่มาจึงโทรหาแฟนของป้า แฟนเขาจึงบอกว่าป้าถูกยิงเสียชีวิต น่าจะมีปัญหาเรื่องเงินกับคนยิง เงินเดือนก็ไม่จ่าย แล้วติดหนี้ป้าเป็นแสน เงินเดือนก็ไม่ค่อยจ่าย ไปเบิกได้แต่ได้ทีละ 1,000-2,000 บาท คนยิงเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านแล้วเขายืมเงินป้าตน

ป้ากับคนยิงเคยทะเลาะกันมาแล้วรอบนึงเรื่องเงิน ป้าบอกให้เอาเงินคืนมาเอาหนี้ที่ติดคืนมา เขาก็เงียบเพราะเขาไม่มีเงินคืนสักบาท สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการทวงเงิน เพราะป้าบ่นตลอดว่าเงินไม่ได้เลย เงินเดือนก็ไม่ได้เลย ซึ่งป้าตนทำงานอยู่ที่นั่นด้วย โดยเงินที่เขายืมไปมีทั้งเป็นเงินของแฟนป้าและเงินป้า ก่อนหน้านี้เขาก็ทะเลาะกันบ้างแต่ไม่เคยลงมือทำร้ายร่างกายกัน

ต่อมาแพทย์ได้ชันสูตรบาดแผลเบื้องต้น พบว่า น.ส.กนกวรรณ ถูกยิงที่ศีรษะจำนวน 1 นัด ส่วนนายสุพจน์ ถูกยิงที่ศีรษะขวาทะลุซ้ายจำนวน 1 นัด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นายสุพจน์ มีอาการเครียดเรื่องเงินที่ค้างจ่ายค่างานไว้หลายเดือน จึงมาคุยกับ น.ส.กนกวรรณ จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิง น.ส.กนกวรรณ เสียชีวิตแล้วยิงตัวเองตายตาม จึงมอบศพให้อาสากู้ภัยนำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อชันสูตรพลิกศพต่อไป.