ถนนพระราม 2 ยังวิกฤติหนัก การจราจรผ่านจุดเกิดเหตุเครนเหล็กมรณะถล่มย่านมหาชัยเมืองใหม่เป็นอัมพาต แนะผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนหนีไปให้ไกล เลี่ยงใช้เส้นทางอื่นแทนทั้งขาล่องใต้และขาเข้ากรุงเทพฯ “อธิบดีกรมทางหลวง” ลงสำรวจพื้นที่หาจุดสร้างทางเบี่ยงก่อนถึงแยกบางบอน หวังคืนพื้นผิวถนนให้ได้ภายใน 15 วัน ด้านครอบครัวเหยื่อเศร้ารับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด เมียช็อกเห็นผัวโฟร์แมนร่วงตายต่อหน้าต่อตา เผยลางสังหรณ์ฝันมีคนจะมาเอาชีวิต ไม่ทันได้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ส่วนพ่อแม่หนุ่มนครพนมวอนบริษัทนายจ้างรีบเยียวยา
ชาวบ้านยังต้องรับกรรมผจญ “นรกพระราม 2” ฝ่าการจราจรติดขัดอีกนาน หลังเกิดเหตุระทึกขวัญจากความสะเพร่าประมาทเลินเล่อ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม กรณีทรัส (Launching Truss) หรือโครงถักเหล็กเลื่อน อุปกรณ์ใช้ก่อสร้างทางยกระดับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว (ช่วงที่ 3) ตอนที่ 1 อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด พังถล่มลงมาบนพื้นที่ กม.21+600-กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร มีคนงานเสียชีวิต 6 ศพ และบาดเจ็บหลายสิบราย เหตุเกิดย่ำรุ่งเช้าวันที่ 29 พ.ย. ส่งผลให้การเดินทางขึ้น-ลงภาคใต้ ช่วงที่ต้องผ่านจุดเกิดเหตุหน้าตลาดสดลีลา มหาชัยเมืองใหม่ ถนนพระราม 2 กลายเป็นอัมพาต จราจรติดขัดร่วม 10 กม.
ความคืบหน้าของสถานการณ์เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ย. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.สมุทรสาคร ร.ต.ประพันธ์ ถึกสกุล นอภ.เมืองสมุทรสาคร นายธนสาร สิทธาภา ผอ.แขวงทางหลวงสมุทรสาคร นายพรพิสุทธิ์ บุญศิริ ผช.หน.สนง.ปภ.จ.สมุทรสาคร พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร นำกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้แทนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกันลงตรวจพื้นที่เกิดเหตุบริเวณทางยกระดับถนนพระราม 2 ตอนที่ 1 ช่วงที่ 3 พื้นที่ กม.21+600-กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อวางแนวทางจัดการจราจรและการคืนพื้นผิวจราจร ที่ถูกกองวัสดุวางทับไว้
เบื้องต้นพบว่าช่วงขาออกกรุงเทพฯ มีวัสดุกองเต็มพื้นที่ ต้องใช้ทางเบี่ยงเอกชัย ก่อนตัดเข้าถนนพระราม 2 อีกครั้ง ส่วนขาเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ กม.21+600 ใช้ช่องทางคู่ขนานได้ 1 ช่องทาง ทำให้สภาพการจราจรยังคงติดขัดอย่างหนักเหมือนเดิม จากการหารือ จำเป็นต้องปรับแผนการจราจรเพื่อหาเส้นทางเบี่ยงเพิ่ม ที่สำคัญในระยะเร่งด่วนนี้คือ การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนน หลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพระราม 2 ที่จะต้องผ่านจุดเกิดเหตุ อีกทั้งยังต้องจัดกำลังตำรวจให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ในการอำนวยความสะดวกทางการจราจรอีกด้วย
ส่วนเรื่องการนำวัสดุเกิดเหตุออกจากพื้นผิวจราจรเพื่อเปิดช่องทางให้รถวิ่งผ่านได้นั้น วิศวกรของบริษัทผู้รับเหมาบอกว่า จะเริ่มจากนำเครนก่อสร้างที่อยู่ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯออกก่อน แม้จะเห็นว่ายังคงอยู่ในสภาพปกติ แต่ได้รับผลกระทบจากเครนอีกฝั่งที่ล้มลง จำเป็นต้องนำออกเป็นอันดับแรก แต่ต้องรอรถยกหนัก 500 ตัน เข้ามาหน้างานในวันจันทร์นี้ จากนั้นจะเข้าสู่การปฏิบัติงานยกเครนก่อสร้างด้านบนออก ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน เมื่อนำออกไปแล้ว จะเปิดการจราจรในช่องทางด่วน (ช่องปกติ) ถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ให้สัญจรผ่านได้ ส่วนฝั่งขาออกกรุงเทพฯ การเคลื่อนย้ายวัสดุที่หักถล่มลงมา ต้องใช้เวลานานตามระยะเวลาที่ รมว.คมนาคม ได้ให้ข้อมูลไว้ แต่จะรีบดำเนินการให้เร็วกว่า 15 วัน เพื่อให้การจราจรทั้งสองฝั่งกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า ในส่วนของการกู้ร่างผู้เสียชีวิต วันนี้สามารถนำศพที่ติดค้างในกองซากวัสดุออกมาได้หมดแล้ว สรุปคือมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ เป็นคนไทย 2 คน และคนต่างด้าวชาวเมียนมา 4 คน ผู้บาดเจ็บมี 9 คน กลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 6 คน ผู้เสียชีวิตจะได้รับการเยียวยาตามสิทธิและคำสั่งของ รมว.คมนาคม ส่วนผู้บาดเจ็บ จังหวัดและเหล่ากาชาดจังหวัดได้เข้าไปเยี่ยมอาการเบื้องต้น และจะให้การช่วยเหลือตามลำดับต่อไป เรื่องที่ต้องรีบดำเนินการเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือ การจราจรบนถนนพระราม 2 ที่ต้องปรับแผนและปรับเส้นทางเพิ่ม เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนให้สามารถเดินทางได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน หากสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ได้ ขอให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน
เวลา 12.00 น. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง นำคณะผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายในจุดเกิดเหตุเครนเหล็กถล่ม พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ได้มาติดตามเรื่องมาตรการเยียวยาผู้เสียชีวิต และวันจันทร์จะได้จ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ถัดไปเป็นเรื่องของการรื้อย้ายโครงสร้างทรัสและอื่นๆเพื่อเคลียร์พื้นที่ เมื่อเช้าได้ส่งโดรนมาบินโดยผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นจะมาวิเคราะห์กันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรและใช้เวลาประมาณเท่าไร
อธิบดีกรมทางหลวงกล่าวต่อว่า ถัดไปเป็นเรื่องของจราจร ขณะนี้ติดขัดหนักมาก ได้ประสานกับตำรวจสำรวจกายภาพถนนว่าจะทำทางเบี่ยงบรรเทาการจราจรในจุดนี้ได้อย่างไรบ้าง ส่วนการคืนพื้นผิวจราจร ได้วางแผนเร่งด่วนทำทางเบี่ยงก่อนถึงแยกบางบอน จะเบี่ยงไปด้านขาออกเพื่อจะได้ช่องทางเพิ่มขึ้น และจะพยายามเคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ใช้ช่องทางคู่ขนาน ตำรวจได้ประเมินสถานการณ์การจราจรตลอดเวลา จากเมื่อวานที่ติดสะสมเยอะมาก วันนี้ลดน้อยลงบ้างแล้ว กรมทางหลวงพยายามเร่งรัดคืนพื้นผิวจราจรให้เร็วที่สุดก่อนกำหนด 15 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 29 พ.ย. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 และ พ.ต.อ.จตุพล เร่งถนอมทรัพย์ รอง บก.จร. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บินสำรวจเส้นทางจราจรจุดเกิดอุบัติเหตุเครนเหล็กถล่มและบริเวณโดยรอบ เพื่อวางแผนการปฏิบัติงานด้านการจราจร เนื่องจากมีพื้นที่คาบเกี่ยวกับในเขตนครบาลหลายจุด
ในส่วนของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครนเหล็กถล่ม ที่เป็นคนงานไทย 2 คน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าญาติได้เดินทางมารับศพออกจาก รพ.สมุทรสาคร และนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดแล้ว รายแรกนายสุทัศน์ หรือทัศน์ บุญเรือง อายุ 31 ปี ตำแหน่งโฟร์แมน อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 5 บ้านโคกเกลา ต.โคกมะขาม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ญาติรับศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านโคกเกลา ต.โคกมะขาม อ.ประโคนชัย มีกำหนดฌาปนกิจในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะ น.ส.โสภิตา เปียกระโทก อายุ 28 ปี ภรรยาของนายสุทัศน์ ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพราะทำงานอยู่ด้วยกัน ยังทำใจให้ยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกะทันหันไม่ได้
น.ส.โสภิตาเล่านาทีเกิดเหตุว่า สามีทำงานอยู่กับบริษัทนี้มาได้ 6 ปี ต่อมาตนได้เข้าไปทำงานกับสามีด้วยกันจนถึงขณะนี้ตนทำงานกับสามีมาได้ประมาณ 4 ปี ล่าสุดเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา สามีได้เลื่อนตำแหน่งเป็นโฟร์แมน ก่อนเกิดเหตุ สามีคุมงานอยู่ด้านบน ส่วนตนทำงานอยู่ด้านล่าง ขณะจะนั่งลงพักไม่ถึง 1 นาที เห็นสะพานถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา แต่ตนไม่ได้รับอันตราย หลังจากนั้นเกิดความโกลาหลขึ้น พยายามค้นหาสามีแต่ไม่เจอ กระทั่งมีหน่วยกู้ภัยมาช่วยค้นหา จนพบร่างสามีถูกกองวัสดุสุมทับเสียชีวิตแล้ว ก่อนหน้านี้สามีเล่าว่าฝันเห็นผู้หญิงจะมาเอาชีวิต ตนไม่เอะใจเพราะแค่ความฝัน ครั้งล่าสุดเวลา 20.00 น. สามีบอกก่อนจะออกไปทำงานอีกว่าฝันว่าผู้หญิงคนเดิมจะมาเอาชีวิต นัดกันว่าหลังจากเลิกงานเช้าจะไปสะเดาะเคราะห์ด้วยกัน แต่ไม่ทันเพราะเวลา 04.00 น. เครนเหล็กพังทับสามีเสียชีวิตไปแล้ว จากนี้คงต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย 8 ขวบ เพียงลำพังเพราะสามีไม่อยู่แล้ว
คนงานผู้เสียชีวิตรายต่อมาคือ นายอภิวัฒน์ หรือโจ้ พะพันทาง อายุ 30 ปี ญาติพี่น้องรับศพเดินทางกลับถึงบ้านเลขที่ 15 หมู่ 9 บ้านวังตามัว ต.วังตามัว อ.เมืองนครพนม เพื่อเตรียมบำเพ็ญกุศลตามประเพณี เมื่อเคลื่อนร่างมาถึงบ้านเกิด นายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี นางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อแม่ผู้เสียชีวิตและญาติพี่น้อง ได้จุดธูปบอกลูกชาย พร้อมร่ำไห้กล่าวว่า “ถึงบ้านเราแล้วนะลูก” ขณะเดียวกัน ลูกชายทั้ง 3 คนของผู้ตาย คนโต อายุ 14 ปี คนกลาง อายุ 13 ปี และคนเล็ก อายุ 9 ขวบ ถือธูปนั่งร่ำไห้รับศพพ่อ ส่วนลูกสาวคนสุดท้อง วัยแค่ 3 ขวบ ยังวิ่งเล่นซุกซนอย่างไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าพ่อเสียชีวิตไปแล้ว กลายเป็นภาพสะเทือนใจของผู้พบเห็น
นายสำเริง พ่อของผู้ตายกล่าวว่า ครอบครัวอยากวิงวอนผู้เกี่ยวข้องและบริษัทนายจ้าง รีบให้การช่วยเหลือครอบครัวของลูกชายด้วยตามความเหมาะสม ห่วงที่สุดคือเรื่องทุนการศึกษาหลานๆ ยังไม่รู้ว่าอนาคตของลูกผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คนจะเป็นอย่างไรต่อไป เนื่องจากกำลังอยู่ในวัยเรียน ผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว ปกติจะทำงานรับจ้าง หารายได้มาส่งเสียดูแลลูกและครอบครัว แต่พอขาดเสาหลักไป เชื่อว่าจะกระทบชีวิตความเป็นอยู่แน่นอน
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ