“เคนโด้” บุกสอบสวนกลางแจงปมเอี่ยวดิ ไอคอน เคยร่วมงานตั้งแต่ปี 62 ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความถูกต้อง แต่พอรู้ว่าเข้าข่าย แชร์ลูกโซ่ลาออกตั้งแต่ปี 64 จ่อเอาผิดสื่อ สำนักดังตัดต่อรูปสร้างความเสียหาย “บิ๊กต่าย” ยินดีส่งพนักงานสอบสวนช่วยดีเอสไอทำคดี ส่วนการถอนแจ้งความ ยันคดีอาญาถอนแจ้งความไม่ได้ ส่วนเรื่องร้องเรียนตำรวจระดับ “นายพัน” เป็นบอสดิ ไอคอน กรุ๊ป ตั้งกรรมการสอบแล้วยังไม่เสร็จ อธิบดีดีเอสไอทำงง ยังดำเนินคดี 18 บอสข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ยังไม่แจ้งข้อหาคดีแชร์ลูกโซ่ อ้างรอสำนักงานเศรษฐกิจการคลังวิเคราะห์ก่อน กมธ.ฟอกเงินแฉ ปปง.รายงานรู้เส้นทางการเงินดิ ไอคอน หมดแล้วว่าไปอยู่ไหน กับใคร ปูดเตรียมเปิดปฏิบัติการจับกุมลอตใหญ่อีกรอบ ทนายวิฑูรย์โว มีแม่ข่ายเตรียมถอนแจ้งความกว่า 100 คน แถมมีคนสมัครใจเป็นพยานฝ่ายจำเลยแล้วกว่า 2,000 คน โอนคดีไปดีเอสไอเสร็จเมื่อใด เตรียมพาไปให้สอบปากคำทั้งหมด เตือนทนายฝั่งตรงข้ามชี้นำผู้เสียหาย เปรย “รอวันเอาคืน” “ทวี สอดส่อง” สั่งตรวจสอบอัจฉริยะไปพบผู้ต้องหาถูกต้องหรือไม่

การสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co.,Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก ไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้อง ควบคุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วทั้ง 18 คน ล่าสุดเตรียมส่งสำนวนส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปดำเนินการต่อตามข้อกฎหมาย

“เคนโด้” โต้ทนายบอสพอล

ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 ต.ค. นายเกรียงไกรมาศ หรือเคนโด้ พจนสุนทร อดีตดีเจและผู้สื่อข่าวชื่อดัง กล่าวถึงกรณีถูกนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล พาดพิงถึงตัวเองว่า ทนายบอสพอลเอ่ยว่าจะดำเนินคดีตน ไม่ประหลาดใจที่เปิดชื่อตนจะดำเนินคดี เพราะอยู่ฝั่งผู้เสียหายตรงข้ามกับดิ ไอคอนมาตั้งแต่ต้น คลิปที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลขณะนี้ปรากฏภาพตนขึ้นเวทีและพูดตามสื่อต่างๆ ลักษณะชื่นชมดิ ไอคอน เป็นช่วงปี 62 ยังทำงานร่วมกับดิ ไอคอน อยู่ เรียนว่าตอนนั้นบริษัทดิ ไอคอน ยังดำเนินการถูกต้องไม่มีผู้เสียหาย ร่วมงานกว่า 1 ปี เมื่อทราบว่าธุรกิจไม่ถูกต้องเนื่องจากเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ตัดสินใจลาออกตั้งแต่เดือน มิ.ย.64 ระหว่างร่วมงานทำตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความถูกต้อง สัญญาบอกชัดเจน ยืนยันว่าไม่ใช่พรีเซนเตอร์แน่นอน รายได้ต่อเดือนน้อยกว่ารายได้ผู้ประกาศไม่ถึง 3 แสนบาท

ขู่ฟ้องกลับทำให้เสียหาย

“ผมเข้าให้การตำรวจฐานะพยานไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ต.ค. สอบปากคำร่วม 6 ชม. ยืนยันว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องการกระทำความผิดของดิ ไอคอนแน่นอน หากมีความผิดจริงตำรวจคงจับไปนานแล้ว และคงไม่กล้ามาโผล่ที่นี่ เคยเจอทนายคนไหนจะดำเนินคดีใครแล้วต้องมาแจ้งออกสื่อหรือไม่ ส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิด ม.392 หรือไม่ และการที่เปิดเผยชื่อผมทำให้เสียหาย ต้องเรียนว่าทุกความเสียหายคิดเป็นเงินหมด” นายเกรียงไกรมาศกล่าว

สื่อโดนด้วยตัดต่อภาพ

เคนโด้ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในวันที่บอสพอลโดนจับมีการส่งไลน์มาหาตนรัวๆ รูปสุดท้ายที่ส่งมาคือรูปหัวใจ เหมือนบอสพอลจะจำได้ว่าตนเคยบอกไว้ว่า “ถ้ามึงทำแบบนี้ จะโดนแบบนี้” การส่งข้อความดังกล่าวคงส่งมาเหมือนอำลาอาลัย ทั้งนี้อยากพูดถึงสื่อสำนักหนึ่ง นำรูปของตนใส่เสื้อสีแดงไปตัดต่อประกอบข่าวที่มีคลิปตนกำลังเผยแพร่อยู่ในขณะนี้ ทำให้ชาวเน็ตโยงตนไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดิ ไอคอน ได้รับความเสียหาย ภาพดังกล่าวที่ตนใส่เสื้อสีเเดงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดิ ไอคอน อยากวิงวอนสื่อสำนักดังกล่าวให้เห็นใจ อย่าเอาแต่ยอดเอนเกจ ตนจะฟ้องดำเนินคดีกับ บก.ข่าว ผู้ตัดต่อ และคนลงข่าว

“อัจฉริยะ” มาประชุมกับ “รองเต่า”

เวลาไล่เรี่ยกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มาประชุมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เรื่องพาผู้ที่เกี่ยวข้องที่รู้เห็นมีคนแอบอ้างเป็นตำรวจกองบังคับการปราบปรามไปเรียกเงินนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี จำนวน 9 ล้านบาท มาพูดคุยพร้อมแจ้งรายละเอียดกับตำรวจ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องไปสืบสวนต่อว่าเป็นตำรวจจริงหรือตำรวจปลอม

อ้างเข้าเรือนจำถูกต้อง

“กรณีเข้าไปในเรือนจำขอชี้แจงว่า เข้าไปโดยชอบด้วยกฎหมาย มีหนังสือถูกต้องถึงผู้บัญชาการเรือนจำเกี่ยวกับกรณีโค้ชแล็ปอ้างว่า ตำรวจเรียกเงิน 9 ล้านบาท วันนี้พาพยานที่แจ้งเบาะแสมาพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้ตำรวจตรวจสอบว่าบุคคลใดไปแอบอ้าง ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่มีตำรวจกองปราบปรามไปเรียกรับเงิน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ คงไม่มีตำรวจรายใดกล้าทำ ส่วนใหญ่จะเป็นมิจฉาชีพที่รับสมอ้างว่าสามารถช่วยเหลือคดีได้” นายอัจฉริยะกล่าว

อ้างพาตำรวจไปเพราะบริสุทธิ์ใจ

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเข้าไปเรือนจำในวันนั้น เข้าไปด้วยเจตนาสุจริต เนื่องจากหากเข้าไปเองก็สามารถเข้าไปได้ผ่านภรรยาโค้ชแล็ป อยากให้มีตำรวจเข้าไปร่วมรับฟังจากปากโค้ชแล็ปเอง วันนั้นพาคนที่มาร้องไปด้วย นอกจากนี้ยังพาคนร้องเรียนไปพบจเรตำรวจเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เห็นทนายบอสพอลออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องจริง แม้จะมีการเรียกเงินจริง เชื่อมั่นว่าไม่น่าจะใช่ตำรวจกองปราบฯ เพราะการเรียกรับเงินไม่ได้เรียกรับกับโค้ชแล็ปโดยตรงแต่ผ่านมาทางคนสนิทโค้ชแล็ป ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ยังไม่มีถอนแจ้งความกับตำรวจ

ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวถึงเรื่องที่ทนายบอสพอลให้สัมภาษณ์สื่อว่ามี 5 แม่ทีม ผู้เสียหายถอนแจ้งความว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการถอนแจ้งความแต่อย่างไร ถ้าผู้เสียหายจะถอนแจ้งความจริง อาจจะมีการไปถอนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็เป็นได้ เพราะสำนวนคดีนี้ส่งมอบไปให้ดีเอสไอแล้ว ผบ.ตร. ยอมรับสอบสวนบอสตำรวจเอี่ยวดิไอคอนกรุ๊ปนานเกินไป ขอผู้เสียหายอย่ากังวลแจ้งความ

“บิ๊กต่าย” ยินดีส่งทีมช่วยดีเอสไอ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป ล่าสุดทางคณะกรรมการกลั่นกรอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีมติเอกฉันท์รับเป็นคดีพิเศษแล้วว่า หากรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้ว ทางดีเอสไอเห็นว่าควรใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเหลือ ก็สามารถร้องขอมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ทาง ตร.ยินดีส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือ หรือแม้แต่ตั้งศูนย์รับแจ้งความทั่วประเทศสอบปากคำผู้เสียหายต่อ

ผิดอาญาถอนแจ้งความไม่ได้

ถามถึงกรณีมีข่าวว่าทนายความผู้ต้องหาจะนำผู้เสียหายมาถอนแจ้งความตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่สามารถถอนแจ้งความได้ เนื่องจากบางข้อหาเป็นความผิดทางอาญาต้องดำเนินคดีต่อ ส่วนจะเป็นเทคนิคการต่อสู้ทางคดีของกลุ่มทนายหรือไม่ ยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนของตำรวจคือกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบที่สุด ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นชั้นศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง จากนี้ประชาชนที่จะเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์คดีนี้ หากมั่นใจว่าตัวเองได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวงลักษณะการฉ้อโกงจากการกู้ยืมเงิน ขอให้มาแจ้งความกับตำรวจได้ ไม่ต้องกังวล พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานด้วย

เร่งสอบตำรวจเป็นบอส

ส่วนกรณีนายตำรวจยศพันตำรวจเป็นบอส ขึ้นพูดบนเวทีดิไอคอนกรุ๊ป ที่ได้ออกคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ยอมรับว่า ขณะนี้มีการตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ตนยังไม่ได้รับผล ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกนานเกินไป จากนี้ต้องเร่งรัดเพื่อรายงานต่อประชาชนให้เร็วที่สุด

อธิบดีดีเอสไอรับคดีดิไอคอน

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เวลา 15.30 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังจากที่ดีเอสไอรับมอบสำนวนคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จากตำรวจว่า ภายหลังดีเอสไอรับมอบสำนวนจากตำรวจสอบสวนกลางแล้ว ขณะนี้ตนมีคำสั่งอนุมัติให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ต้องสืบสวนสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และต้องมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่นมาร่วมสอบสวนกรณีนี้ด้วย เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นครบมิติ และประชาชนผู้เสียหายได้รับประโยชน์สูงสุด

พลิกยังไม่แจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่

“การรับเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอครั้งนี้รับไว้ดำเนินการต่อความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพ์ เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับที่ตำรวจดำเนินการไว้ ขณะนี้ยังไม่พบความผิดเรื่อง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ ดังนั้นหากเข้าข่ายความผิดแชร์ลูกโซ่ต้องรอความเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังพิจารณาก่อน อาทิ ความเห็นเรื่องผลประโยชน์ตอบแทน วงจรธุรกิจ เป็นต้น เพราะคดีแชร์ลูกโซ่ของดีเอสไอ เราฟังความเห็นของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้วิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องการคำนวณผลประโยชน์ตอบแทน ระหว่างนี้หากสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์สามารถแจ้งความผิดแชร์ลูกโซ่ได้ เราจะไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป” รรท.อธิบดีดีเอสไอกล่าว

เตรียมขอตำรวจมาร่วมทำคดี

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวอีกว่า กรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ขอให้ รรท.อธิบดีดีเอสไอมีหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งพนักงานสอบสวนชุดเดิมมาร่วมสอบสวนกับดีเอสไอ ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะให้ตำรวจสอบสวนกลางซึ่งรับผิดชอบเดิม รู้รายละเอียดและเป็นผู้สืบสวนประเด็นสำคัญต่างๆ ให้มาร่วมเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนด้วย ขอย้ำว่าการที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องด้วยกฎหมายระบุว่า หากเรื่องใดเป็นความผิดกฎหมายหลายบท บทใดบทหนึ่งต้องดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือกรณีที่มีความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษให้คดีนั้นเป็นคดีพิเศษด้วย

เรียกประชุมร่วมสัปดาห์นี้

“การทำงานร่วมกันของดีเอสไอและตำรวจหลังจากนี้ เราจะประชุมร่วมกันตามข้อบังคับว่าด้วยการสอบสวนร่วมกัน หรือปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน คาดว่าการประชุมเกิดขึ้นเร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ รวมทั้งกรอบการทำงาน การออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีอำนาจสอบสวนจนกว่าจะส่งมอบสำนวนเสร็จสิ้น นอกจากตำรวจแล้วยังมีอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย ส่วนกรณีทนายวิฑูรย์ให้สัมภาษณ์หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯว่า มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาในเรือนจำ ยังไม่ได้รับรายงานเพราะเพิ่งไปประชุมข้างนอกมา ถ้าได้ความจะนำเรียนอีกครั้ง ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดีฟอกเงิน ล่าสุดตรวจเส้นทางการเงินและวิเคราะห์เส้นเงินได้มากพอสมควร เห็นร่องรอยว่ามีการนำเงินจากส่วนใดมาจ่ายส่วนใดอย่างไรบ้าง” พ.ต.ต.ยุทธนากล่าว

สอบหมดถ้าเป็นประโยชน์

พ.ต.ต.ยุทธนายังกล่าวด้วยว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคดี พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อพิสูจน์ความผิด เราต้องไปสอบและรวบรวมทั้งหมด ถ้าประชุมพิจารณากันแล้วเป็นประโยชน์ จะทำให้คดีมีความกระจ่างขึ้น เราจะเรียกมาทั้งหมด เรื่องของการฝากขัง แม้ยังไม่มีการแจ้งข้อหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ จะทันกรอบฝากขังหรือไม่ ตนขอเรียนว่าขณะนี้เรายังมีอำนาจควบคุม 48 วัน กำลังเร่งดำเนินการ หากสามารถสอบถามสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ เราจะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป ส่วนความผิดฐานฟอกเงินขอประชุมคณะทำงานก่อน เบื้องต้นตนอ่านผลสรุปของสำนวนที่ตำรวจส่งมาให้บ้างแล้ว

ปปง.แจ้งรู้เส้นทางการเงิน

วันเดียวกันที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ประชุมพิจารณาบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน มีนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรคเพื่อไทย ประธาน กมธ.เชิญกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และตัวแทนผู้เสียหายมาให้ข้อมูล หลังประชุมนายเลิศศักดิ์กล่าวว่า กมธ.รับข้อมูลจาก ปปง.ว่า อายัดทรัพย์คดีนี้ไปแล้ว 4 ครั้ง 240 ล้านบาท ปปง.ชี้แจงว่า ทราบเส้นทางการเงิน รู้ว่าเงินไปถึงใครไม่ต้องห่วง สบายใจได้ระหว่างนี้หากโยกย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินในบัญชีจะเข้าข่ายการฟอกเงิน

ปูดจะจับกุมลอตใหญ่อีกครั้ง

“ปปง.จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่า ผู้เสียหายคดีนี้ต้องลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเมื่อใด แม้ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แต่ไม่ใช่ได้รับเยียวยาโดยอัตโนมัติ ต้องลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิความเป็นผู้เสียหาย ก่อนการประชุม กมธ.ครั้งต่อไปจะเชิญสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และดีเอสไอมาชี้แจง จะมีข้อมูลชัดเจนมากขึ้นว่าใครเป็นผู้ต้องหาบ้าง ส่วนการจับกุมลอตต่อไปต้องทำอย่างระมัดระวัง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่จะจับกุมลอตใหญ่อีก” นายเลิศศักดิ์กล่าว

ทนายโวแม่ข่ายเป็นพยานให้

ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความว่า หลังจากทีมทนายความสามารถเข้าถึงระบบหลังบ้านได้แล้วพบว่า มีตัวแทนของดิ ไอคอน กรุ๊ปมากถึง 280,000 กว่าราย เบื้องต้นทีมทนายความสามารถรวบรวมตัวแทนที่สมัครใจมาเป็นพยานให้ฝั่งผู้ต้องหาแล้วกว่า 2,000 กว่าราย คนเหล่านี้คือตัวแทนที่ทำยอดขายได้จริงสามารถมายันในคดีได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากการขายของไม่ได้เอง ไม่ได้เกิดจากการฉ้อโกง

เตือนระวังฝั่งตรงข้ามชี้นำ

“หากคดีนี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อไหร่ เตรียมประสานนำพยานทั้ง 2 พันกว่าคนทยอยเข้าให้ปากคำทันที ทั้งนี้พบว่าบรรดาตัวแทนที่เข้าแจ้งความก่อนหน้านี้จำนวน 9,200 กว่าคน ได้ข้อมูลว่ามีทนายความสำนักหนึ่งจัดพิมพ์แพตเทิร์นประเด็นมาให้แม่ข่ายให้ปากคำกับตำรวจลักษณะเดียวกัน เพื่อกล่าวหาบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป และบรรดาบอส เช่น บริษัทนี้มีลักษณะการโฆษณาชวนเชื่อเกินความเป็นจริง ลักษณะสินค้าไม่ได้มาตรฐาน บังคับให้เปิดดีลเลอร์ บังคับให้ยิงแอดโฆษณา รวมทั้งการที่เหล่าบอสนำทรัพย์สินหรูหรามาเผยแพร่ในสื่อสาธารณะเพื่อเป็นโฆษณา ชักจูง ประเด็นเหล่านี้เป็นการปรักปรำและชี้นำการให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน” ทนายบอสพอลกล่าว

ฟุ้งถอนแจ้งความกว่า 100 คน

ทนายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ขอแนะนำว่า ผู้ใดให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนลักษณะแพตเทิร์นที่ได้มาจากทนายความสำนักดังกล่าว ขอให้ไปดำเนินการติดต่อพนักงานสอบสวนทุกท้องที่ เพื่อแก้ไขคำให้การ หรือจะถอนแจ้งความก็ได้ ไม่เช่นนั้นอาจเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จ นี่ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและตนทำจริง ยืนยันว่าบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำหน่ายสินค้าได้มาตรฐาน ไม่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ ตอนนี้เท่าที่ทราบพบว่า มีแม่ข่ายเตรียมถอนแจ้งความแล้วประมาณร้อยกว่าคน ทราบเหตุผลว่าพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคดีอาญา ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องของแพ่ง ตนเตรียมดึงกลุ่มคนเหล่านี้มาเป็นพยานเช่นกัน

บอสใช้กำแพงคุกเป็นฐานต่อสู้

นายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า การเข้าเยี่ยมบอสพอลวันนี้พบว่า ทางเรือนจำยังไม่ได้แยกแดนผู้ต้องขัง ตัวบอสพอลยังมีอาการปกติ ไม่ได้เครียดกังวลและรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก ส่วนที่ต้องมาเยี่ยมทุกวันเพื่อพูดคุยแนวทางการต่อสู้คดี เนื่องจากตอนนี้ทนายความผู้ต้องขังทุกคนรวมเป็นทีมเดียวกันเรียบร้อยแล้ว ใช้กำแพงเรือนจำเป็นฐานต่อสู้คดี ผู้ต้องขังทุกคนรวมทั้งบอสดารายังไม่แสดงความประสงค์ที่จะยื่นประกันตัวช่วงนี้ เนื่องจากกระแสสังคมตอนนี้ติดลบ หากยื่นประกันศาลก็ไม่พิจารณาให้ประกันตัว ส่วนออเดอร์ล่าสุดของบอสพอลตอนนี้มีหลายออเดอร์ กำลังรอความชัดเจนว่า คดีนี้จะอยู่ในมือใคร หากรู้หน่วยงานรับผิดชอบหลักแล้ว จะเริ่มดำเนินการเคลียร์ทีละออเดอร์ต่อไป

ประกาศรอวันเอาคืน

นายวิฑูรย์กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ตนให้คำแนะนำกับบอสพอลและบอสทุกคนที่อยู่ในเรือนจำว่า ตอนนี้ขอให้อดทน “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ แกล้งตายให้เป็น แล้วรอวันเอาคืน” ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าจะเอาคืนใคร ทนายได้แต่ยิ้มหัวเราะและไม่ตอบคำถามดังกล่าว

“ทวี” ขอตำรวจช่วยสอบต่อ

กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานโดยตรงจาก รรท. อธิบดีดีเอสไอ ดูแต่ข่าว ความเห็นส่วนตัวคดีฉ้อโกงประชาชนอยากให้ตำรวจดำเนินการ แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมายเพราะตำรวจทำมาดีแล้ว มีพนักงานสอบสวนและศักยภาพ อีกทั้งคดีฉ้อโกงประชาชนถ้าผู้เสียหายจำนวนมากเราเหลือแค่ 3 ฝากต้องส่งสำนวนไม่เกิน 20 กว่าวัน ต้องมีเวลาให้พนักงานอัยการพิจารณา 1 ฝาก เรื่องหลักการสอบสวนสำคัญที่สุดคือ การสอบสวนชอบหรือไม่ชอบ ถ้าคดีเข้าเขตกฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษอาจต้องส่งมา แต่ถ้าหากรับเป็นคดีพิเศษอยากจะขอความกรุณา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้พนักงานสอบสวนเดิมที่ทำคดีมาเป็นพนักงานสอบสวนจะได้ไม่มีรอยต่อ

อัยการร่วมสอบตั้งแต่ต้น

“หากเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และการฟอกเงิน อันนี้ต้องสืบสวนใช้เวลารวบรวมหลักฐานด้านการเงินและบัญชี เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการสอบสวนไม่ว่าอยู่กับใคร ต้องทำให้เกิดความยุติธรรมตามพยานหลักฐาน ไม่อยากให้มองว่าเรื่องมาดีเอสไอแล้วตำรวจหมดหน้าที่ แต่อยากขอให้ใช้ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 พ.ร.บ.ฯจะมีอำนาจพิเศษคือ พนักงานอัยการเข้ามาดูสำนวนเลย แทนที่ตำรวจต้องส่งสำนวนก่อน 7 วัน 12 วันให้อัยการพิจารณา ผมจะขอให้ตำรวจเดิมที่เป็นพนักงานสอบสวนตั้งมาเป็นพนักงานสอบสวนร่วมทำสำนวน คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ เมื่อดีเอสไอรับเรื่องมาต้องสร้างความเชื่อมั่น” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

สั่งสอบ “อัจฉริยะ” เข้าเรือนจำ

พ.ต.อ.ทวีกล่าวถึงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า หากเข้าไปเยี่ยม ทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องราชทัณฑ์ได้หมด ไม่มีใครพิเศษ ราชทัณฑ์ไม่ต้องรายงาน เพราะเป็นกฎหมายอัตโนมัติ ส่วนกรณีนายอัจฉริยะเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเรือนจำฯ ประชิดตัวผู้ต้องขัง สามารถทำได้หรือไม่ หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ ยังไม่ได้รับรายงาน การสั่งตรวจสอบไปยังผู้บัญชาการเรือนจำฯ เกี่ยวกับรายงานข้อเท็จจริงและการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ยังไม่ได้สั่งการ แต่จะสั่งการไป กรณีผู้ต้องขัง ยืนยันว่าไม่ได้อนุญาตให้เข้าพบ จะให้กรมราชทัณฑ์รายงานมา