หลายภาคส่วนช่วยจัดเตรียมงานพระราชทานเพลิงศพเหยื่อรถบัส 23 ศพ ธารน้ำใจหลั่งไหลทั่วสารทิศเปิดโรงทานช่วยงาน เพื่อนนักเรียนและญาติบวชเณรให้ผู้วายชนม์ 36 รูป และเตรียมรับคลื่นมหาชนร่วมงานอาลัย ส่วนอาการเด็ก 14 ดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่นายกฯประชุมหาแนวทางป้องกัน สว.ร่วมไว้อาลัยเสนอญัตติเยียวยาความเสียหาย
จากเหตุสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ รถบัสโดยสารของบริษัทชินบุตร ทัวร์ ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี เกิดเหตุไฟไหม้วอดทั้งคัน คลอกร่างครูและนักเรียนรวม 23 ชีวิตสิ้นใจคากองเพลิง ขณะจะไปทัศนศึกษาที่กรุงเทพฯ เหตุเกิดบนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ช่วงสายวันที่ 1 ต.ค. สาเหตุจากแก๊ส NGV รั่วไหล เพราะสายต่อชำรุดและติดตั้งถังก๊าซ CNG เกินจำนวนจดแจ้งไว้กับทางขนส่ง เจ้าหน้าที่ลำเลียงศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ส่วนในวันที่ 8 ต.ค.มีพิธีพระราชทานเพลิงศพครูและนักเรียนทั้ง 23 ราย ติดตั้งเตาเผาไฟฟ้าไว้ 7 เตา มีเตาน้ำมันสำรองอีก 2 เตา ที่บริเวณสนามกีฬา ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานศพเป็นวันที่ 5 ของครูและนักเรียนทั้ง 23 ราย ที่บริเวณสนามกีฬาของโรงเรียนใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพพบว่า เริ่มดำเนินการตั้งวางเตาเผาไฟฟ้าบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ครบทั้ง 7 เตา พร้อมกับจะมีเตาเผาสำรองด้วยอีก 2 เตา คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันนี้ ส่วนโดมที่จัดไว้รองรับผู้ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมในพิธีนั้น ขณะนี้ดำเนินการตั้งเต็นท์โดมเสร็จแล้ว แต่ยังคงเหลือการใช้ไม้พาเลทมาวางเป็นพื้นก่อนที่จะวางเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ 5,000 ตัว
นายชวลิต ไวกสิกรณ์ อายุ 34 ปี เจ้าของกิจการร้าน “ดอกไม้สดตูมตาม” สาขาตลาดอำเภอหนองฉาง และสาขาหน้า รพ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า รับมอบหมายจากวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานีนำจิตอาสา 50 คน ร่วมกันจัดดอกไม้สดไว้อาลัยหน้าหีบศพพร้อมเครื่องสังฆภัณฑ์กับศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด ตนแบ่งทีมเป็น 3 ทีม คือ 1. ทีมงานกางโดมขนาดใหญ่รองรับผู้มาร่วมงาน 6,000 คน ประดับดอกไม้สดสวยงาม 2.จัดดอกไม้สดซุ้มประตูทางเข้า และ 3.จัดดอกไม้สดประดับรถที่นำร่างครู-นักเรียนสู่เมรุชั่วคราว ส่วนการประดับตกแต่งดอกไม้สดสำหรับเมรุพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นทีมราชพิธีของสำนักพระราชวัง
ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่วัดเขาพระยาพายเรือ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พระครูอุทัยวิริยสุนทร เจ้าคณะอำเภอลานสัก เป็นพระอุปัชฌาย์พิธีบรรพชาสามเณรจำนวน 36 รูป เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ ส่วนบรรดาผู้มีจิตศรัทธาหลั่งไหลเดินทางเข้ามาร่วมงานและร่วมตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารกันที่ภายในงานจำนวนมาก ต้องจองคิวเพื่อขอใช้สถานที่ ขณะเดียวกันคณะจัดงานตรวจการทำงานของเตาเผาแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมทั้ง 7 เตา ส่วนอีก 2 เตาสำรองไว้หากมีอะไรผิดพลาด
ต่อมาเวลา 14.00 น. บรรยากาศการซ้อมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงในครั้งนี้ เริ่มจากพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ แสดงธรรมเทศนา สวดมาติกา และพิธีทอดผ้าบังสุกุล ณ อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ก่อนเข้าสู่ช่วงพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ บริเวณสนามกีฬาโรงเรียน เริ่มจากการเคลื่อนขบวนศพของครูและนักเรียน เข้าสู่ลานพิธีใช้ราชรถพญานาคเคลื่อนขบวนออกมาประกอบพิธีครั้งละ 7 ศพ จนครบทั้ง 23 ศพ จะมีครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่ในขบวน ส่วนระยะเวลาในการเผานั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีต่อ 1 ร่าง พร้อมทำการเก็บเถ้ากระดูก เพื่อส่งมอบให้กับครอบครัวผู้วายชนม์ทันที หลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงแล้วนั้น พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลต่อจากนี้จะเป็นการทำบุญของครอบครัวและญาติแยกย้ายกันไปประกอบพิธีกันเอง
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผวจ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า เตรียมการซักซ้อมเสมือนจริงเพื่อดูว่ายังติดขัดตรงส่วนไหนอยู่หรือไม่ เพราะคาดว่าคนจะมาร่วมงานพิธีเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องบริหารจัดการในห้วงของเวลาด้วย ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดเตรียมสถานที่รองรับประชาชน วันที่ 8 ต.ค. จะเริ่มพิธีตั้งแต่เวลา 09.00 น. และจะมีพิธีที่สำนักพระราชวังตอนช่วง 09.30 น. เป็นต้นไป ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดเตรียมกระบวนการพิธี ส่วนการสัญจรและการจอดรถนั้น จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในด้านการจราจรรวมไปถึงสถานที่จอดรถ ต้องขอความร่วมมือทุกๆท่านไม่นำรถมาจอดในสถานที่จัดงาน ขอให้จอดในบริเวณที่จัดเตรียมไว้ให้จะมีรถรับ-ส่งคอยให้บริการ คาดว่าลานจอดรถที่จัดเตรียมไว้น่าจะรองรับรถได้ 2,000 คัน ด้านการพยาบาลเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ไว้คอยประกบทุกครอบครัวไว้ตลอด
สำหรับอาการบาดเจ็บของเด็กหญิง อายุ 14 ปี จากเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาที่เข้ารักษาตัวที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีนั้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค. มีรายงานว่า อาการดีขึ้น บาดแผลไฟไหม้ทั้งหมดดีขึ้น ตอบสนองต่อการรักษา ไม่พบการติดเชื้อ ไม่มีปัญหาข้อติดยึด สามารถใช้งานมือและแขนทั้ง 2 ข้างได้ปกติ สภาพจิตใจอารมณ์คงที่ผ่อนคลายมากขึ้น นอนหลับได้ ผลการรักษาเป็นที่พอใจของ ทีมแพทย์ อย่างไรก็ตาม แผลจากไฟไหม้นั้นต้องใช้ เวลาในการรักษาและฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องความปลอดภัยทางถนน มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมใน 3 ประเด็น คือ เรื่องโศกนาฏกรรมรถบัสนักเรียนเกิดเพลิงไหม้ มาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำรอย และมาตรการกิจกรรม รวมไปถึงข้อกฎหมายที่หน่วยงานต่างๆรับผิดชอบ และการเตรียมความพร้อมต้อนรับ Mr.Jean Todt UN Special Envoy for Road Safety ที่จะ เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 1-6 พ.ย. น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 1 ต.ค. น่าสลดใจ อยากให้บังคับใช้กฎหมายบนท้องถนน รวมถึงปรับปรุงให้ทันสมัยเข้ากับยุคสมัย อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เพราะนานาชาติจะมีโครงการทาง Un special envoy for road safety มี Mr.Jean Todt เป็นประธาน จะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเดือน พ.ย.นี้ เพื่อจะประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญของการคมนาคม และการ ใช้ระบบความปลอดภัยต่างๆ
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า อีกอย่างที่อยากให้เกิดขึ้นคือการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน หลังจากนี้ อาจจัดทำในเรื่องของการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) หรืออะไรที่สามารถให้ความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันได้ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับเจ้าของรถ หรืออะไรต่างๆ มาคุยกันว่าปัญหาที่เจอคืออะไร อยากให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างไร หรือจะพัฒนาร่วมกันอย่างไร เสร็จจากการประชุมวันนี้อยากให้ประชุมเชิงปฏิบัติการเกิดขึ้น
ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม สว.ทุกคนนัดกันใส่ชุดสีดำพร้อมยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต 1 นาที จากนั้นนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.ในฐานะประธาน กมธ.คมนาคม วุฒิสภา เสนอ ญัตติด่วนหาแนวทางป้องกันเยียวยาความเสียหาย กรณีรถทัศนศึกษาเกิดเหตุเพลิงไหม้ มี สว.หลายคน ตั้งข้อสังเกตเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตัวรถ การตรวจสอบมาตรฐานรถจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการซักซ้อมหนีภัย และการเยียวยาผลกระทบต่อสภาพจิตใจครอบครัวต้องได้รับอย่างเหมาะสม พร้อมหาสาเหตุป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
ด้าน น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. อภิปรายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เด็กวัยบริสุทธิ์ตื่นเต้นดีใจจะได้ไป เที่ยวกับครูและเพื่อนๆช่วงปิดเทอม แต่กลับเป็นครั้ง สุดท้าย ขอเสนอยกเลิกรถขนส่งสาธารณะที่ติดตั้งถังแก๊สให้ติดสติกเกอร์ที่เห็นชัดเจนว่ารถขนส่งสาธารณะคันนี้ใช้แก๊สหรือไม่ ให้ผู้บริโภคตัดสินใจจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ก่อนร่ายกลอนปิดท้ายการอภิปรายสดุดีครูที่ปกป้องเด็กนักเรียนจนเสียชีวิตด้วยน้ำเสียงร่ำไห้ หลังจากที่ สว.อภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติ เห็นชอบให้ส่งข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ไปให้ ครม. พิจารณาดำเนินการต่อไป
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ