รักษาการอธิการบดี มร. แถลงเตรียมรื้อปม “นาย ส.” ส่งคนสอบแทน หลังอดีตอธิการบดีสั่งยุติเรื่อง ปัดกลั่นแกล้งการเมืองภายใน ด้านทนายขู่ฟ้องกลับ ยันลูกความไม่รู้เรื่อง-ไม่ได้ให้ใครเข้าสอบแทน
วันที่ 4 พ.ย. 67 ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง แถลงข่าวปม “นาย ส.” ส่งผู้เรียน และเข้าสอบแทนในวิชาภาษาอังกฤษ เหตุเกิดเมื่อ 6-7 มี.ค. 64 ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุดแรกพบว่ามีมูลความผิดจริง เช่น พบหลักฐานว่า มีบุคคลเข้ามานั่งสอบ และเซ็นชื่อแทนนักการเมืองรายดังกล่าวหลายครั้ง ต่อมาคณะกรรมการบริหารงานมหาวิทยาลัย หรือ ก.บ.ม.ร. ที่สอบสวนต่อในยุคของอธิการบดีอีกคนหนึ่งมีมติให้ยุติเรื่องในปี 2565
ผศ.วุฒิศักดิ์ กล่าวว่า ตนทราบสาเหตุการยุติเรื่องของ ก.บ.ม.ร. ชุดดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าฟังไม่ขึ้น เนื่องจากคนที่ไปสอบแทน อ้างว่าได้มาเข้าสอบในวันดังกล่าวจริง แต่ไม่ใช่การสอบแทนนักการเมืองรายดังกล่าว แต่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดแรกมีหลักฐานชัดเจน
ปัจจุบันที่ตนเองกลับมารับตำแหน่งอธิการบดี จึงจะสั่งให้มีการตรวจสอบการสั่งยุติสอบเรื่องดังกล่าวว่าเป็นยุติเรื่องโดยชอบหรือไม่ หากยุติเรื่องมิชอบ จะส่งให้ที่ประชุมผู้บริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป พร้อมยืนยันว่าการรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในมหาวิทยาลัย และไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือเช็กบิลกัน เพราะตนเองยังมีความรักความผูกพันกับอดีตอธิการบดี แม้จะมีเรื่องฟ้องร้องกันไปมาหลายเรื่อง
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ปรากฏว่ามีนายธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนาย ส. มาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย โดยภายหลังฟังการแถลงข่าวแล้วเสร็จนั้น นายธีรศานต์ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ยืนยันว่า นาย ส. ไม่เคยใช้ใครให้ไปเรียนหรือสอบแทน โดยการเรียนดังกล่าว ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของหลักสูตรปริญญาเอก แต่เป็นการเรียนในสถาบันภาษา เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร ซึ่งต้องใช้ในการรับรองการจบปริญญาเอกตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
ยอมรับว่า ในช่วงเวลาที่มีการสอบสวน นาย ส. จ่ายเงินเพื่อเข้าอบรมภาษา แต่ไม่ได้เข้าเรียนและเข้าสอบ เนื่องจากติดภารกิจ แต่ต่อมาก็ลงเรียนครั้งที่ 2 ซึ่งรอบนี้มาเรียนจริงจนได้ประกาศนียบัตรมายื่นต่อมหาวิทยาลัย ยืนยันว่า นาย ส. ไม่รู้จักบุคคลที่เข้าสอบแทน และหากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ตนเองเตรียมพิจารณาดำเนินคดีกับทางมหาวิทยาลัย เพราะมองว่าไม่มีอำนาจในการรื้อเรื่องที่จบไปแล้วขึ้นมาใหม่.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ