รมว.ยธ. แจง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง จนเหลือจำคุก 10 ปี ติดมาแล้ว 7 ปี จึงเข้าเกณฑ์พักโทษ พร้อมผู้ต้องขังรายอื่น 1,000 กว่าคน แต่ต้องติดกำไล EM รายงานตัวตามเงื่อนไข ด้านสำนักงานคุมประพฤติเชียงใหม่ เผย “บุญทรง” ยังไม่ติดต่อเข้ารายงานตัว ย้ำไม่มีอภิสิทธิ์และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเหมือนทุกคนอย่างเท่าเทียม ส่วนคนเสื้อแดงเชียงใหม่ยินดี “บุญทรง” พ้นคุก แต่ขอไม่ออกมาต้อนรับ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2567 พ.ต.อ.ทวี สองส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับการพักการลงโทษ ตนได้ทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตนได้สอบถามไปยังนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งการพักการลงโทษถือเป็นเรื่องการบริหารของราชทัณฑ์ เรื่องนี้ไม่ต้องรายงานมายังรัฐมนตรี แต่ทราบเบื้องต้นว่านายบุญทรงมีระยะเวลาต้องโทษรวม 40 กว่าปี ได้อภัยโทษ 4 ครั้ง จึงเหลือโทษประมาณ 10 ปี อีกทั้งนายบุญทรงยังรับโทษจำคุกมาแล้ว 7 ปี จึงเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษ

ทั้งนี้ การพักการลงโทษในทางกฎหมายยังถือเป็นโทษอยู่ แต่ได้รับการพักโทษที่มีเงื่อนไข อีกทั้งในการพักโทษไม่ใช่อำนาจของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะกฎหมายระบุว่าเป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการพิจารณาการพักการลงโทษ ประกอบด้วยบุคคลหลายฝ่าย เช่น ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ อัยการ บุคคลที่เกี่ยวข้องรวมประมาณ 20 ราย โดยปกติจะมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน แต่เพียงครั้งนี้มีรองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานแทน ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ของการพักโทษ ตนยังไม่เห็นเอกสาร แต่ทราบว่านายบุญทรงอยู่ในเกณฑ์พักโทษทั่วไป เพราะเป็นผู้สูงอายุและเหลือโทษน้อย ส่วนถ้าจะมีรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ อาจต้องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะมอบหมายกรมราชทัณฑ์เผยแพร่ข่าวแจกสื่อมวลชนต่อไป

ส่วนเรื่องการติดกำไล EM นั้น เนื่องด้วยนายบุญทรงอายุน้อยกว่า 70 ปี จึงต้องติดกำไล EM แต่ถ้ามีเหตุการเจ็บป่วยจะได้รับการยกเว้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ ที่จะพิจารณา แต่เรื่องการบริหารงานภายใน ปกติแล้วจะไม่ต้องรายงานมายังรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรับทราบ นอกจากนี้ นอกจากนายบุญทรงได้รับการพักโทษ ยังมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่ที่ได้รับการพักการลงโทษนั้น ทราบว่าแต่ละครั้งจะมีประมาณ 1,000 กว่าราย ไม่ใช่เพียงนายบุญทรงเท่านั้นที่ได้รับการพักโทษ และการพักโทษก็ยังลงโทษอยู่ แม้ระหว่างนั้นผู้ที่ถูกพักโทษไปแล้ว อาจกลับมารับโทษเหมือนเดิมได้

ส่วนเรื่องการรายงานตัวเมื่อถูกคุมประพฤติ นายบุญทรงก็ต้องมีการรายงานตัว แต่รายละเอียดตนไม่ทราบ ขอให้ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำข่าวแจกสื่อมวลชนชี้แจงแทน ทั้งนี้ กรณีว่าระหว่างการพักโทษ บุคคลจะสามารถเขียนทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะของการเขียน ใครจะเขียนอภัยโทษก็ได้ แต่ว่าอำนาจไม่ได้อยู่ที่กระทรวงยุติธรรม ยกตัวอย่าง กรณีของนายบุญทรงที่มีโทษเยอะ แต่ก็ได้รับการอภัยโทษมา 4 ครั้ง อีกทั้งการอภัยโทษไม่ใช่กฎหมายราชทัณฑ์ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ปรากฏภาพนายบุญทรงไปร่วมงานศพนั้น ตนไม่มั่นใจในส่วนนี้เพราะยังไม่ได้เห็น แต่ว่ากรณีของนักโทษเด็ดขาด หากพ่อแม่เสียชีวิต ก็สามารถที่จะลาไปงานศพได้ เพราะในกฎหมายให้ลาได้ อย่างตอนที่ตนอยู่ภาคใต้ มีผู้ต้องขังที่เป็นไทย-พุทธ แล้วพ่อแม่เสียชีวิต ก็ลาไปร่วมงานศพได้ เป็นสิทธิ์เขา

ทั้งนี้ กรณีที่นายบุญทรงได้รับการพักโทษแล้วกลับไปอยู่บ้านใน จ.เชียงใหม่หรือไม่นั้นตนไม่ทราบจริง ๆ เพราะตนติดภารกิจงานทั้งวัน แต่ผู้พักโทษจะไปอยู่ที่ไหนอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการพักโทษ เช่น สถานที่นั้นต้องมีผู้ปกครอง ผู้ดูแล และที่สำคัญคืออยู่ในการดูแลของกรมคุมประพฤติ ปกติการคุมประพฤติตอนนี้มีจำนวนกว่า 400,000 รายที่ต้องดูแล ซึ่งมันเป็นระบบสากลอยู่แล้ว ทั้งนี้ หากผู้นั้นถูกดำเนินคดีในพื้นที่ใดก็ต้องคุมประพฤติในพื้นที่นั้น เช่น บางคนถูกดำเนินคดีใน กทม. ก็ต้องคุมประพฤติที่ กทม. ส่วนถ้าจะออกนอกพื้นที่ก็ต้องแจ้ง หรือกรณีของนายเทพไท เสนพงศ์ ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้ แต่ก็ต้องมาพักโทษที่ กทม.

วันเดียวกัน นายหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ หรือ ดาบชิต ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดง 17 จังหวัดภาคเหนือ เผยกรณีกรมราชทัณฑ์ปล่อยตัวนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 42 ปี และได้รับการพักโทษในวันนี้ (2 ธันวาคม) ว่ายินดีและดีใจด้วยที่ได้รับการปล่อยตัว แต่ในฐานะนักสู้คนเสื้อแดง คงไม่ถึงขั้นที่คนเสื้อแดงจะไปเคลื่อนไหวออกมาร่วมแสดงความยินดี เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่มีการต่อสู้ของคนเสื้อแดง นายบุญทรงก็ไม่ได้คลุกคลีหรือผูกพันกับคนเสื้อแดงมากนัก และที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2565 นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายของนายบุญทรงก็ยังหันไปลงสมัครในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ซึ่งทำให้คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยไม่พอใจ

อย่างไรก็ตามด้วยเงื่อนไขคุมประพฤติและผลทางคดีความ เชื่อว่านายบุญทรงจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก

ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติเชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า ถึงช่วงบ่ายวันนี้ (2 ธันวาคม) ยังไม่ได้รับการติดต่อว่านายบุญทรงจะเข้ามารายงานตัวในวันไหน แต่ภายในเงื่อนไขจะต้องเข้ามาพบพนักงานคุมประพฤติภายใน 3 วันนับแต่ได้รับการปล่อยตัว โดยขั้นตอนการรายงานตัวก็จะเป็นไปตามปกติทั่วไปเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่มีอภิสิทธิ์ใด ต้องมาเข้าระบบทุกขั้นตอนตามปกติและจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 11 ข้อในระหว่างคุมประพฤติ ส่วนจะกำหนดให้ต้องมารายงานตัวกี่ครั้งหลังจากนี้ จะต้องดูหนังสือรายละเอียดของโทษที่เหลือจากกรมราชทัณฑ์อีกครั้ง