อดีตแอร์โฮสเตสสาว วัย 44 ปี แจ้งความออนไลน์ หลังร่วมทำธุรกิจกับ “ดิไอคอน” ในระดับดีลเลอร์ จนสูญเงินไปเกือบ 4 แสนบาท เจ้าตัวเผย “คอลลาเจน” มีปัญหา แต่กลับไร้คำตอบ จึงตัดสินใจเลิกขาย หลังจากเข้าร่วมประมาณ 1 ปี หลังเป็นข่าว “แม่ทีม” สั่งกำชับห้ามแจ้งความ อ้างเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย ใครแจ้งจะโดนแจ้งกลับภายหลัง

ความคืบหน้าคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้เป็นลูกทีมขายตรงดิไอคอนกรุ๊ป ที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายจากการถูกชักจูงเป็นลูกทีม และระดับดีลเลอร์ ได้แจ้งความ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี แล้วกว่า 10 ราย

นางมลฤดี (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี อดีตแอร์โฮสเตส สายการบินแห่งหนึ่ง ชาว อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้แจ้งความดำเนินคดีผ่านระบบออนไลน์ โดยได้รับความเสียหายจากการสมัครเป็นสมาชิกและเงินลงทุน ประมาณ 392,000 บาท ซึ่งเมื่อปี 2565 ได้ลาออกจากงานแอร์โฮสเตส มาเป็นแม่บ้านดูแลลูก จึงอยากมีอาชีพเสริมหารายได้ช่วยครอบครัว และได้เห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊กชักชวนเรียนการทำตลาดออนไลน์ ในราคา 98 บาท จึงตัดสินใจเข้าไปสมัครเรียน

นางมลฤดี กล่าวว่า หลังจากเข้ากลุ่มเรียนออนไลน์แล้ว ต่อมาได้ถูกดึงชื่อไปเข้าอีกกลุ่มชักชวนให้ทำธุรกิจกับดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งได้หาข้อมูลพบว่ามีทั้งดาราและบุคคลที่มีอาชีพน่าเชื่อถือ เช่น แพทย์ พยาบาล นักธุรกิจ รวมทั้งเพื่อนแอร์โฮสเตส ทำให้หลงเชื่อจากที่คิดจะสมัครแค่สมาชิก 2,500 บาท จึงเข้าสมัครเป็นเครือข่ายระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นเงิน 25,000 บาท ได้อาหารเสริมคอลลาเจนมา 700 ชิ้น แต่บริษัทยังไม่ให้ขาย ต้องเข้าอบรมแผนธุรกิจก่อน โดยได้รับคำชักจูงให้ความหวังจะมีรายได้จะมีกำไรมากขึ้น

“จึงยอมสมัครยกระดับดีลเลอร์ จ่าย 250,000 บาท เพื่อสร้างทีมใหม่ระดับแพลตินั่ม จะสามารถไปขายอบรมออนไลน์ได้รายละ 98 บาท โดยต้องไปซื้อรายชื่อลูกทีมจากบริษัทมา 10 รายชื่อ 4,000 บาท แต่โทรไปก็ไม่มีใครเข้ามากลุ่ม ระหว่างที่หาลูกทีมตนต้องไปซื้อยิงแอด (โฆษณาออนไลน์) 3 ครั้งๆ ละ 30,000 บาท เป็นเงิน 90,000 บาท เมื่อหาลูกทีมไม่ได้ บริษัทได้จูงใจให้จ่ายค่าปลดล็อกลูกทีม หรือบูมไอซี อีก 23,000 บาท โดยบริษัทให้อาหารเสริมบำรุงสายตามาจำนวนหนึ่ง”

นางมลฤดี กล่าวและว่า ในการสมัครระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ จะได้รับสินค้าเป็นคอลลาเจน แต่กลับถูกแม่ทีมห้ามไม่ให้จำหน่ายสินค้าออกไปสู่บุคคลภายนอก โดยอ้างว่าให้ทดลองกินด้วยตัวเอง เพื่อที่จะสามารถไปบอกต่อกับลูกทีมและการทำธุรกิจที่สำคัญต้องหาลูกทีมเพิ่มเข้ามา ตนพยายามทำการตลาดและหาลูกทีม แต่ไม่สำเร็จเงินที่ลงทุนไปไม่ได้กลับคืนมาแล้วยังมีสินค้าค้างอยู่จำนวนมาก จึงตัดสินใจนำมาโพสต์ขาย แต่ลูกค้าที่ซื้อไปพบสิ่งผิดปกติในคอลลาเจน แต่เมื่อติดต่อไปยังบริษัทแม่ กลับไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับคุณภาพสินค้า จึงตัดสินใจเลิกขาย หลังจากไปเข้าร่วมประมาณ 1 ปี

นางมลฤดี กล่าวอีกว่า หลังปรากฏเป็นข่าวขึ้นมา สมาชิกได้สอบถามไปยังแม่ทีม ซึ่งแม่ทีมได้กำชับไม่ให้ลูกทีมเข้าแจ้งความ โดยอ้างว่าการทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายและหากใครไปแจ้งความจะถูกดำเนินคดีในภายหลัง และเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า รายชื่อลูกทีมในกลุ่มไลน์ถูกลบทิ้ง และไม่สามารถติดต่อแม่ทีมได้ จึงได้แจ้งความตำรวจ โดยคาดว่าในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากหลายร้อยคน

ข่าวแจ้งว่า ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มลูกทีมขายตรงได้มีการจัดอบรมทำแผนธุรกิจในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยเปิดเช่าโรงแรมในเขต อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นสถานที่อบรม ซึ่งแต่ละกลุ่มมีสมาชิกนับร้อยคน ซึ่งภายหลังเกิดปัญหาลูกทีมกับแม่ข่าย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ได้ถูกโค้ชเดียว ซึ่งเป็นนักจัดอบรมแผนธุรกิจผู้บริหารของดิไอคอนกรุ๊ป ใช้ชื่อ Maj.เดียว และไล่ลบรายชื่อลูกทีมพ้นจากกลุ่มไม่ต่ำกว่า 10 คน