
ด.ญ. 2 คน ถูกอดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งข่มขืนมากว่า 2 ปี พ่อแม่เข้าแจ้งความแต่คดียังไม่คืบ หลังลูกสาววัย 13 เป็นเด็กพิเศษพาน้องสาววัย 12 ไปทำงานรับจ้างหารายได้ที่บ้านผู้ต้องหา กลับถูกลวงให้เปลือยกายข่มขืนและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมข่มขู่ฆ่าพ่อแม่หากนำเรื่องไปบอกใคร กระทั่งเด็กผิดสังเกตไม่กล้าไปทำงานจนเรื่องแดง ขณะที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว
ครอบครัวเหยื่อโวยลูกสาวถูกข่มขืน 2 คน แต่คดีไม่คืบหน้า เปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ต.ค. พ.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน สว. (สอบสวน) สภ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี เรียกสอบปากคำเพิ่มเติมพ่อแม่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี และ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ครอบครัวผู้เสียหายร่วมกับสหวิชาชีพ หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่านายแว่น (นามสมมติ) อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ล่อลวงข่มขืนลูกสาวทั้ง 2 คนมากว่า 2 ปี และยังถูกข่มขู่มาโดยตลอด ภายหลังเข้าร้องสื่อขอ ความช่วยเหลือเร่งรัดคดี
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.67 พ่อแม่เด็กเข้าแจ้งความที่ สภ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ด.ญ.เอ อายุ 13 ปี ลูกสาว ไม่ได้เรียนหนังสือเนื่องจากเป็นเด็กพิการสมาธิสั้น หรือเด็กพิเศษ และ ด.ญ.บี อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 ลูกสาวทั้ง 2 คนไปทำงานหารายได้พิเศษรับจ้างทำความสะอาดที่บ้านของนายแว่น อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี กระทั่งเดือน เม.ย.67 สังเกตเห็นว่าลูกสาวทั้ง 2 คนไม่อยากไปทำงานที่บ้านหลังดังกล่าวและทะเลาะกัน แม่ถามลูกว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร กระทั่งลูกเล่าให้ฟังว่า นายแว่นบังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วข่มขืนและถ่ายรูปภาพเปลือยกายไว้เป็นหลักฐานพร้อมข่มขู่ว่าห้ามไปบอกใครไม่งั้นจะฆ่าพ่อกับแม่ เกิดความกลัวถูกข่มขืนมากว่า 2 ปี หลังทราบเรื่องพ่อแม่รีบไปแจ้งความ
แม่เด็กเปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจ ครอบครัวไว้ใจนายแว่นมาก ตนเคยไปรับจ้างทำงานที่บ้านนายแว่นมาก่อน พอมารุ่นลูกตนยังให้ไปรับจ้างต่อ แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำกับลูกสาวแบบนี้ ภายหลังนายแว่นรู้ว่าตนไปแจ้งความรีบมาติดต่อหาว่าใส่ร้าย อ้างไม่ได้ทำ ให้คนแถวบ้านมาเคลียร์เสนอเงินให้ 5 หมื่นบาท และรถ จยย. 3 คันแล้วให้จบเรื่องไปถอนแจ้งความ นอกจากนี้ยังให้ทนายมาขู่ว่า ทำอะไรนายแว่นไม่ได้หรอกหลักฐานก็ไม่มี ตนไม่รับเงินและข้อเสนอต่างๆ อยากให้นายแว่นรับโทษจนถึงที่สุดที่เขากระทำกับลูกสาวของตนมากกว่า
แม่เด็กเผยอีกว่า ภายหลังแจ้งความเกรงว่าคดีไม่คืบหน้า ครอบครัวมาขอร้องสื่อให้ช่วยเหลือติดตามคดี ครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีอะไรไปต่อสู้กับคู่กรณี และยังถูกข่มขู่มาตลอดเกรงจะไม่ปลอดภัย อยากให้ตำรวจเร่งรัดคดีนำคนผิดมาลงโทษ
ต่อมา พ.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน สว. (สอบสวน) สภ.ค่ายบางระจัน นำผู้เสียหายทั้ง 2 คนไปชี้จุดเกิดเหตุ ส่วนเรื่องผลตรวจของแพทย์ที่ตรวจร่างกายของผู้เสียหายระบุว่า มีร่องรอยการถูกกระทำชำเราจริง รวบรวมหลักฐานเสนอศาลออกหมายจับต่อไป
ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน สว. (สอบสวน) สภ.ค่ายบางระจัน และตำรวจชุดสืบสวนพาผู้เสียหายทั้ง 2 คน มาชี้จุดเกิดเหตุบ้านเลขที่ 50/10 “สวนนายแว่น” อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี พร้อมนำหมายค้นและหมายจับนายแว่นมาด้วย ขณะนั้นมีชายคนเฝ้าบ้านออกมาไม่ยอมให้ตำรวจเข้าไปในบ้าน บอกว่า เจ้าของบ้านไม่อยู่แล้วจะเปิดบ้านให้เข้าได้อย่างไร ตนไม่ใช่เจ้าของบ้าน เป็นคนที่อยู่อาศัย ถึงแม้ตำรวจจะอธิบายอย่างไรก็ไม่ยอมเปิด จนในที่สุดตำรวจเปิดประตูเข้าไปตามหมายค้น ตรวจสอบไม่พบนายแว่นผู้ต้องหา และเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามได้รับคำตอบว่า นายแว่นไปฟอกไตที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ และเมื่อกลับมาจาก รพ.แล้วจะเข้ามอบตัวทันที จากนั้นตำรวจพาผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไปชี้สถานที่เกิดเหตุที่ถูกนายแว่นกระทำชำเราตามที่กล่าวอ้าง
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ