หนุ่มชาวจีน วัย 33 ปี หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนรายใหญ่ ใน จ.นครศรีธรรมราช ติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังหลบหนีหมายจับไป 7 เดือน

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 67 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (บก.สอท.5) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 ร่วมกันสอบปากคำนายเจียง จ้ายเทียน อายุ 33 ปี สัญชาติจีน

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทุ่งสง ที่ 352/2567 วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลังนายเจียงติดต่อผ่านทนายความให้ช่วยประสานมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อขอมอบตัว

สืบเนื่องจากเมื่อ 29 มี.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ.8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย ชาวจีน ชาวรัสเซีย และชาวญี่ปุ่น

โดยจับกุมขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 90 คน พร้อมยึดของกลางอีกหลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง, มือถือและซิมผี 854 เครื่อง, Router กระจายสัญญาณ 22 เครื่อง และบัญชีม้า 342 เล่ม

จากการสอบสวนขยายผล พบความเชื่อมโยงว่าขบวนการดังกล่าว มีนางสาวเรวดี ทีปไพบูลย์ อายุ 51 ปี หรือเจ๊เล็ก รองนายกเทศมนตรีจันดี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้ตั้งฐานปฏิบัติการ และได้ผลประโยชน์จากการเช่าอาศัยสถานที่

โดยมีนายเจียง เป็นหัวหน้ากลุ่มคนจีน ทำหน้าที่ขับรถรับส่งคนจีนด้วยกัน จากที่พักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไปส่งที่โรงแรมที่เปิดเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเพื่อนร่วมชาติและคนไทย โดยใช้รถยนต์ ยี่ห้อ Ford สีส้ม ทะเบียน 5 ชญ 6205 กทม ขับรับส่งพนักงานกลุ่มคนจีน เข้าออกโรงแรมและหมู่บ้าน ก่อนหลบหนีไปได้นานกว่า 7 เดือน ในขณะทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา ก่อนตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อรับโทษ โดยทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.