คดีหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังหลอกเงินเหยื่อกว่า 60 ล้านบาทบานปลาย ผู้เสียหายอื่นยังทยอยเข้าแจ้ง ความร้องทุกข์เพิ่มต่อเนื่องกว่า 25 คนแล้ว ความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท ตำรวจยังไม่เรียกตัวมาสอบสวนหรือแจ้งข้อหา ต้องการให้จำนวนเหยื่อนิ่งก่อน เล็งพิจารณาข้อหาหนักฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก

กรณีนางแสงเดือน วงษ์สมบูรณ์ อายุ 77 ปีแม่ และ น.ส.รัตนาภรณ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 49 ปีลูกสาว เข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางกอกน้อย ดำเนินคดีนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หมอฮวงจุ้ยชื่อดัง สำนักซินแสดูบ้าน (ตี่ลี่-ฮวงจุ้ย) บ้านอาจารย์จิรเจริญเวศน์ หลอกดูฮวงจุ้ยตุ๋นเอาเงินไปกว่า 60 ล้านบาท เบื้องต้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เห็นว่ามีผู้เสียหายหลายท้องที่และความเสียหายจำนวนมาก สั่งให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าไปดูแลคดี และมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดี หลังจากนั้นมีผู้เสียหายจำนวนมากทยอยเข้าแจ้งความหมอดูฮวงจุ้ยรายนี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าจากศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 6 พ.ย. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า ยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความแล้วขณะนี้ อยู่ที่ 25 ราย ความเสียหายรวมกว่า 80 ล้านบาท ส่วนคดีต้นเรื่องของผู้เสียหายที่ถูกหลอกเงินกว่า 60 ล้านบาท เดิมอยู่ที่ สน.บางกอกน้อย ตอนนี้ได้ทำเรื่องโอนสำนวนคดีมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เช่นเดียวกับคดีของผู้เสียหายในพื้นที่อื่นๆที่เริ่มทยอยโอนสำนวนคดีมา นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้เสียหาย 1 คน อยู่ประเทศมาเลเซีย โดนหลอกเงินกว่า 4 แสนบาท มอบอำนาจส่งตัวแทนมาแจ้งความแล้ว

พ.ต.อ.เอนกกล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาในการหลอกลวงเงินจากเหยื่อแต่ละกรณีจะคล้ายๆกันคือ เมื่อได้รับเชิญให้ไปดูบ้าน โรงงาน สถานประกอบการ จะทำทีทักว่าบ้านมีช่องลม หม้อแปลง หรือเสาไฟตั้งหน้าบ้าน ทำให้เกิดเภทภัย ผู้อยู่อาศัยจะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์รุนแรงถึงชีวิตได้ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกังวล จากนั้นจะเสนอขายวัตถุมงคล เช่น กิเลน สิงห์ให้แก้เคล็ด พฤติกรรมเช่นนี้ทำมานาน 2-3 ปีแล้ว บางรายได้เงินจากผู้เสียหายไปแล้ว แต่ไม่มีการส่งมอบของให้ สาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่วนหนึ่งมาจากตัวของซินแสชื่อดังคนนี้ มักปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ จนมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ

ถามว่ายอดตัวเลขความเสียหายและจำนวนเหยื่อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะทำให้พฤติกรรมของซินแสชื่อดังรายนี้เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า คงต้องดูพยานหลักฐานอื่นๆประกอบเพิ่มเติม เราจะตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน หรือแม้กระทั่งโพสต์ข้อความตามสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมไปถึงพฤติการณ์หลอกลวงเงิน จากนั้นจึงจะนำมาพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีผงกระดูกผีจะขยายผลตรวจสอบดีเอ็นเอหรือที่มาของผงกระดูกดังกล่าวหรือไม่ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า เรื่องผงกระดูกผีน่าจะเป็นเพียงกลอุบายที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง หรือกุเรื่องขึ้นมา เพื่อใช้หลอกลวงเงินจากเหยื่อ ไม่น่ามีอยู่จริง

“ส่วนจะกำหนดวันออกหมายเรียกซินแสชื่อดังมาให้ปากคำได้เมื่อไหร่นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนสอบปากคำผู้เสียหาย ขณะนี้ยังคงมีคนทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมต่อเนื่อง หลังเสร็จขั้นตอนนี้จะพิจารณาเรื่องออกหมายเรียกต่อไป” พ.ต.อ.เอนกกล่าว