หน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังเพจดังโพสต์ร้องลัทธิประหลาด ฝึกเรียนหูทิพย์-ตาทิพย์ ด้านสำนักสงฆ์แจงเป็นคลิปเก่า ปัจจุบันไม่มีการสอน

จากกรณีเพจดังร้องตรวจสอบลัทธิประหลาด สำนักสงฆ์ฝึกเรียนหูทิพย์-ตาทิพย์ ให้เด็กและผู้ไปปฏิบัติธรรม ในพื้นที่ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร พร้อมกับเตรียมบุกพิสูจน์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ร้องตรวจสอบ “ลัทธิประหลาด” สำนักสงฆ์ฝึกเด็ก-ผู้ปฏิบัติธรรมเรียนหูทิพย์-ตาทิพย์)

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 พ.ย. 67 นายวรรธน์ ฉายอภิรักษ์ นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี, นายพรเทพ พุ่มพวง นายก อบต.สลกบาตร พร้อมด้วยสำนักพุทธประจำจังหวัดกำแพงเพชร, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง, เจ้าคณะตำบล และแอดมินเพจ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสำนักสงฆ์ป่าดังกล่าว พบว่าภายในสำนักมีพื้นที่จำนวน 95 ไร่ มีพระสงฆ์ 4 รูป แม่ชีจำนวน 4 คน ไม่พบเด็กๆ ที่อยู่ในคลิปแต่อย่างใด

เบื้องต้นทางนายอำเภอให้ข้อมูลว่าจะทำการตรวจสอบทั้งสองประเด็นคือ ประเด็นเรื่องของการฝึกตาทิพย์ และเรื่องของการฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับศพว่ามีความผิดหรือไม่ทั้งกฎหมายและวินัยสงฆ์ ซึ่งในกรณีที่มีการตายเกิดขึ้น ทางญาติจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ทราบ เพื่อออกใบมรณบัตร ต้องแจ้งให้ทราบว่าจะจัดการศพอย่างไรถูกต้องหรือไม่ จะเผาหรือจะเก็บศพไว้ก่อน หากจะเผาหรือจะเก็บศพจะต้องแจ้งสำนักทะเบียนพื้นที่เก็บศพไว้จำนวนกี่วัน ทางสาธารณสุขจะต้องมาดูว่าการเก็บศพเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนหรือไม่อย่างไร ขณะที่สำนักพุทธได้เข้าพูดคุยขอดูหลักฐานทั้งหมดทั้งการขออนุญาตตั้งสำนักสงฆ์และการนำศพหรือเด็กมาทำกิจกรรมว่าเป็นไปตามระเบียบถูกต้องหรือไม่

ขณะที่ หัวหน้าที่พักสงฆ์ ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้อย่างละเอียด โดยกล่าวว่า จากที่มีประเด็นเรื่องร้องเรียน การสอนตาทิพย์-หูทิพย์ เป็นภาพที่ได้มีผู้ปฏิบัติธรรมจากต่างจังหวัดมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ได้ถ่ายภาพแล้วนำไปโพสต์ไว้ประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา หลังได้ทราบเรื่องจึงได้สั่งให้หยุดการสอนที่วัดทันที จนถึงปัจจุบันไม่มีการสอนแล้ว

ส่วนที่ผู้ปฏิบัติธรรมหน้าโลงศพ มีศพเป็นกระดูก 6 โลง ส่วนที่ยังสรีระสมบูรณ์มี 1 โลง เป็นของญาติโยมที่มาถวายร่างให้กับทางสำนักสงฆ์ ซึ่งมีเอกสารจากญาติอย่างถูกต้อง และบางร่างแล้วแต่ญาติจะให้เป็นครูใหญ่กี่ปี โดยมีตั้งแต่ 2-5 ปี เมื่อถึงกำหนดจะมารับไปบำเพ็ญกุศลและให้วัดจัดการเองบ้าง

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ทางวัดเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ โดยให้สอนกับพระและแม่ชี และประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่ให้สอนกับเด็กและเยาวชน พร้อมให้ยุติการสอนตาทิพย์หูทิพย์เด็ดขาด โดยต้องขออนุญาตสร้างสำนักสงฆ์ให้ถูกต้องตามระเบียบของสำนักพุทธ ส่วนเรื่องโลงและศพจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง โดยทางอำเภอเตรียมบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ. สุสานและฌาปนสถาน ซึ่งจากนี้อาจต้องมีโทษปรับตามกฎหมายเพราะยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ได้ทำบันทึกข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

หัวหน้าที่พักสงฆ์ กล่าวอีกว่า “คลิปที่ปรากฏในข่าวนั้นเป็นของเก่า ตนไม่เคยสอนเรื่องตาทิพย์-หูทิพย์ น่าจะเป็นพระรุ่นเก่า ซึ่งตนไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากเพิ่งมาจำวัดอยู่ที่นี่เพียง 2-3 ปีเท่านั้น ส่วนพระที่ปรากฏอยู่ในคลิป ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่วัดแล้ว ออกพรรษาแล้วสึกไปแล้ว ส่วนกรณีศพผู้เสียชีวิตก็จะมีญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมถวายร่างให้ แล้วมีการทำหนังสือซึ่งได้รับอนุญาตจากญาติให้มาถวายร่างให้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ 2 ปี ซึ่งจะมี 4 ปีหรือ 5 ปีก็มี ซึ่งเมื่อถึงกำหนด ญาติเขาจะรับศพกลับไป ที่เหลืออยู่ตอนนี้จะมีแต่โครงกระดูกเฉยๆ

ซึ่งตอนนี้ทางรองเจ้าคณะอำเภออนุญาตให้มีแค่โครงกระดูกได้และด้านทางนายอำเภอได้อนุญาตให้มีเพียงโลงทองตั้งอยู่ได้ จะทำให้เกิดความกลัว เป็นการฝึกจิต และทางรองเจ้าคณะอำเภอได้ร้องขอให้ฝึกเฉพาะผู้ใหญ่กับแม่ชีและพระ ซึ่งทางเราจะงดของเด็กไป งดสอนตาทิพย์ ซึ่งเรื่องนี้มีอยู่ทุกที่ โดยทางหน่วยงานให้งดไม่ให้สอนก็จะงดไป ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นชาญขั้นแรก ส่วนเรื่องที่เป็นความจริงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่จิตถ้าเป็นเด็ก เด็กเป็นจิตที่สะอาดอาจจะได้ผลส่วนผู้ใหญ่ผ่านอะไรมาเยอะชีวิตมาเยอะจิตไม่ใสเหมือนของเด็กดังนั้นในเมื่อทางผู้ใหญ่ขอร้องเราให้หยุดเราก็ต้องหยุดให้”

จากการสัมภาษณ์ พระครูสิทธิ วชิรธรรม รองเจ้าคณะอำเภอขาณุวรลักษบุรี กล่าวว่า เรื่องความเชื่อของตาทิพย์หูทิพย์นั้นขึ้นอยู่ที่ครูบาอาจารย์ของแต่ละคน ส่วนการพิจารณาศพหรือเรียกว่าอสุภมีมาตั้งแต่อดีตในพระไตรปิฎกแล้ว ซึ่งก็ไม่นิยมให้สอนกัน ส่วนการมาปฏิบัติกับเด็กให้พิจารณาศพเป็นเหตุที่ไม่ควร เพราะจิตของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับคนเราไม่ผ่านการอบรมก็อาจจะทำให้จิตเสียได้เด็กก็เช่นกัน ซึ่งก็ให้เปลี่ยนวิธีการสอนใหม่และให้ยุติวิธีที่ทำมาทั้งหมด ซึ่งแท้ที่จริงตามหลักพระพุทธศาสนาก็เป็นอีกทางหนึ่ง แต่ตนยังอาจจะศึกษาไม่ถึงก็ได้ อาจจะเป็นแนวของแต่ละคนที่สอน บางคนจิตโน้มน้าวจนหลุดก็มี โดยตนเคยเข้ามาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ 3-4 ครั้ง ซึ่งก็ไม่เคยเห็นเขาสอนกับตารู้แค่วิธีการสอนแบบนี้

ด้าน นายพิพัฒน์ บุญคุ้มอยู่ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า หลังจากที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วกับทุกฝ่าย ก็ได้แจ้งให้สำนักสงฆ์ทราบว่าวิธีการสอนนั้นทำให้สังคมมองว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งก็ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ ซึ่งภาพที่ออกสื่อนั้นเจ้าสำนักสงฆ์แจ้งว่าเป็นภาพเก่าเอาไปลงโซเชียลในเพจ Facebook ที่ไม่ได้มีการใช้ต่อแล้ว ส่วนเรื่องศพก็แจ้งให้ดำเนินการตามระเบียบให้ถูกต้อง โดยสำนักสงฆ์ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะได้ประสานพระผู้ใหญ่ที่อยู่จังหวัดพิจิตรที่ก่อตั้งทำให้ถูกต้อง โดยยังเป็นสำนักสงฆ์เถื่อนอยู่ตอนนี้

ขณะที่ลูกศิษย์วัดได้พาผู้สื่อข่าวและ แอดมินเพจ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ เดินเข้าไปดูบริเวณที่ใช้นั่งพิจารณาศพ ระหว่างทางที่เดินเกือบ 2 กิโลเมตร มีเศษของวัตถุ เทวรูป ศาลพระภูมิ ที่พังเสียหายอยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง และเป็นป่ารกทึบ โดยพาไปดูจุดที่เป็นโลงเปล่า และจุดที่มีศพของพระสงฆ์ที่เคยอยู่ในที่พักสงฆ์และถวายร่างเป็นครูใหญ่ให้ปฏิบัติธรรม ซึ่งสิบเอกประจักษ์กฤษ สายทิพย์ แอดมินเพจฯ ขอได้ทดลองนั่งสมาธิเพื่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับแต่ก็ไม่พบหรือเห็นสิ่งใด ซึ่งก็มองว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และหากทางสำนักสงฆ์สอนไปในทิศทางตามหลักพระพุทธศาสนาก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าบิดเบือนไปในทางที่งมงายชักชวนให้หลงใหลอันนี้อาจจะเป็นการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด หากพบว่ามีความผิดก็ขอให้สั่งปิดสำนักสงฆ์แห่งนี้ถาวร

ขณะที่บริเวณจุดที่เป็นต้นโพธิ์จากในภาพก่อนหน้าที่มีองค์คุณใหม่วางอยู่และใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิและประกอบพิธีกรรมนั้น พระสงฆ์ได้ให้ข้อมูลว่าเป็นจุดที่บรรดาญาติโยมนำเทวรูป และศาลพระภูมิที่พังชำรุดเสียหายมาทิ้งไว้ ซึ่งมองแล้วก็รกตาโดยปัจจุบันได้ตกแต่งให้สะอาดตามากขึ้นซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมานั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมอะไร

ด้าน นางรำพัน ลูกศิษย์สำนักสงฆ์ เล่าว่า เรื่องการมอบศพให้มาทำกิจกรรมปฏิบัติธรรมในวัดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นความต้องการของญาติผู้ตาย ซึ่งก็ทำอย่างถูกต้อง โดยบางรายไม่มีเงินฌาปนกิจศพก็จะให้ทางสำนักสงฆ์จัดการให้เลยหลังมอบร่างเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว ส่วนศพของอดีตพระสงฆ์ที่ตั้งและพาทุกคนมาดูนี้ก็เป็นพระที่เคยอยู่ที่สำนักสงฆ์มาก่อนและร่วมก่อตั้งสำนักสงฆ์มาก่อน พอละสังขารก็นำร่างท่านไว้เป็นร่างอาจารย์ใหญ่เลย

โดยผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในสำนักสงฆ์นั้นก็จะเริ่มจากการมานั่งสมาธิในช่วงกลางวัน และฝึกให้นั่งในช่วงกลางคืนโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยเป็นการฝึกปฏิบัติจิตใจในการเผชิญความกลัวในสถานที่จริง ซึ่งผู้ที่มาปฏิบัติก็จะได้สัมผัสแตกต่างจากที่นั่งอยู่ที่บ้าน เมื่อก่อนมีผู้มาปฏิบัติธรรมจากต่างๆ จังหวัดเยอะ และในพื้นที่จะน้อย ตนเองไม่เคยฝึกนั่งต่อหน้าศพเพราะไม่เชื่อเพราะเรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไปปฏิบัติธรรมแบบอื่นแทน ส่วนเรื่องการฝึกตาทิพย์หูทิพย์ตนก็เห็นจากหลายสถานที่ก็ฝึกกันซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถเห็นสิ่งที่บังตาได้ ส่วนสถานที่แห่งนี้ก็มีเด็กที่อื่นมาฝึกไม่ใช่เด็กที่นี่ .