“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนกลับไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่ ย้อนถาม “เจ๊พัช” ตีความคำว่ากรรโชกทรัพย์ว่าอย่างไร เชื่อประชาชนรวมถึงตนเองไม่ได้กินหญ้า ทุกคนกินข้าว มีสมอง มีสามัญสำนึก
เมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หลังนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. กรณีที่มีคลิปเสียง นักร้องสาวเจ๊พัช-กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และศิลปินดัง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีการแอบอ้างชื่อหนุ่มกรรชัยและรายการโหนกระแส เรียกรับเงินจากน.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการให้นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้ไปออกรายการ
หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยว่า มาให้ปากคำในกรณีที่มีคลิปเสียงของฟิล์ม รัฐภูมิ และน.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการพูดคุยกันกับบอสปัน โดยมีการกล่าวอ้างพาดพิงชื่อตนในการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท เพื่อที่จะไปออกรายการโหนกระแส โดยใช้ถ้อยคำประมาณว่า สามารถที่จะเขียนบทหรือเขียนสคริปต์รายการให้ทางบอสพอลได้ หากบอสพอลมาออกรายการ และยังมีการกล่าวอ้างอีกว่าตนเปิดทางให้แล้ว และตนเองสามารถชี้ผิดให้เป็นถูกได้ ทุกสิ่งที่ได้มีการพูดออกไปในคลิปเสียงนั้น เป็นการหมิ่นประมาทตน และโกหกหลอกลวงคนอื่นเพื่อกรรโชกทรัพย์ เบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทก่อน แต่หากกฎหมายจะสามารถเอาผิดในเรื่องใดได้บ้างตนจะดำเนินการในทุกเรื่อง และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่มีการยอมความ ไกล่เกลี่ยหรือเจรจา เพราะตนไม่ใช่นักเคลียร์ ไม่ต้องมาเคลียร์กับตน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากคลิปเสียงที่เรียกรับเงินกับบอสปันแล้ว ยังมีคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงรัฐมนตรีท่านหนึ่งด้วย ในวันนี้ได้มีการนำมามอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ในส่วนนี้ ต้องให้ทางรัฐมนตรีคนดังกล่าวเป็นคนดำเนินการเอง ส่วนตัวได้มีการส่งคลิปให้กับท่านรัฐมนตรีแล้ว
ยืนยันว่าภายหลังจากที่มีการดำเนินการเข้าแจ้งความแล้วตนไม่ได้ติดต่อกับทางตัวฟิล์ม รัฐภูมิแต่อย่างใด แต่ก่อนแจ้งความ 1 วัน ตนได้โทรศัพท์หาฟิล์มไปแล้วถึง 3 ครั้ง เพื่อถามข้อเท็จจริง แต่ทางด้านฟิล์มยืนยันว่าไม่ได้กระทำ และเป็นคลิปตัดต่อ ซึ่งขณะที่โทรหาฟิล์ม ยังหวังให้ตัวฟิล์มพูดความจริง และหากเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้กระทำจริง ตนจะไม่มีการเผยแพร่คลิปที่มีความยาวถึง 29 นาทีที่มีอยู่ในมือ และจะให้โอกาสเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงกับสังคม แต่เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมรับ ตนจึงตัดสินใจวางสายและตัดขาดความสัมพันธ์พี่น้องในทันที และโทรหาทนายความส่วนตัวเพื่อดำเนินการเข้าแจ้งความเอาผิด
ทั้งนี้ตนยังฝากข้อความสุดท้ายกับฟิล์มไว้ว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด”
แต่หลังจากที่พูดคุยจบแล้ว ทางฝั่งของฟิล์ม ก็มีการโทรกลับมาหาตนอีกหลายครั้ง แต่ตนเลือกที่จะไม่รับสายอีกต่อไป และหลังจากนั้นทางฝั่งตัวฟิล์มจะออกมาพูดอะไรก็เป็นส่วนของตัวเขา
“อยากจะพูดอะไรก็เชิญ แต่ตนคิดว่าประชาชนรวมถึงตนเองไม่ได้กินหญ้า ทุกคนกินข้าว ไม่ใช่ควาย เรามีสมอง มีสามัญสำนึกและมีวุฒิภาวะ ที่จะรู้ได้ว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่คุณออกมาพูด คุณจะกลายเป็นตัวตลกด้วยซ้ำ” หนุ่ม กรรชัย กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ น.ส.กฤษอนงค์ กล่าวอ้างว่า ไม่ใช่การกรรโชกทรัพย์แต่เป็นการเสนอแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อการแก้ภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจนั้น ฟังขึ้นหรือไม่ หนุ่ม กรรชัย ระบุว่า ต้องถามว่าทาง น.ส.กฤษอนงค์ ตีความคำว่ากรรโชกทรัพย์ว่าอย่างไร เพราะจากที่ตนฟัง การที่ไปบอกว่าหากไม่ทำแบบนี้ ตนจะชี้ผิดชี้ถูก ซวยเลยนะ คนที่กลัวอยู่ก็ต้องตกใจและยอมจ่าย รวมถึงเจ้าตัวก็มีทนายในมือ ก็ให้ไปถอดคลิปเสียงทีละคำดูว่า เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์หรือไม่ ซึ่งตนไม่ชอบคนที่อาศัยจุดอ่อนของคนอื่นเพื่อหาผลประโยชน์ ตนรู้สึกว่าวิธีการดังกล่าวไม่แฟร์และไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้อยากให้ทุกคนที่ถูกบุคคลเหล่านี้กระทำดังกล่าว ให้ออกมาร้องทุกข์เพิ่มได้เลยไม่ต้องอาย อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคม สำหรับเรื่องเรียกค่าเสียหายนั้น สำหรับตน ตนเชื่อว่าชื่อเสียงของตนที่เสียไป ไม่ใช่แค่ตัวเลข 20 ล้านบาท เพราะตนทำงานมานาน และตนมีมูลค่ามากกว่านั้น หากจะเรียกก็จะเรียกมากกว่า 20 ล้านบาท
ที่ผ่านมา ตนและทีมงานรายการโหนกระแสถูกนำชื่อไปอ้างและหลอกลวงประชาชนมาเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะถูกนำไปหลอกเอาเงินมูลค่าขนาดนี้
เมื่อถามว่าจะใช้คำว่า มันจบแล้วครับน้องได้หรือไม่ หนุ่ม กรรชัยถามกลับว่า ”เขาเป็นน้องตนตอนไหน ตนไม่มีน้องแบบนี้ และไม่ได้สนิทอะไร แค่ทำงานร่วมกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนถือว่าเกินไป เพราะเป็นจำนวนเงินที่เยอะ และเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ลำบากยากแค้นถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือ และสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรี“
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะฝากเตือนบุคคลเหล่านี้หรือไม่ ”เตือนแล้วฟังหรือไม่ ไม่เตือนดีกว่า เพราะผิดชอบชั่วดีเป็นสิ่งที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์จะสอนตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่คุณเป็นอยู่วันนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เด็กๆ ว่าที่บ้านคุณสอนหรือไม่ ว่าเป็นคนดีอย่างไรไม่ต้องให้คนอื่นมาสอน“ หนุ่ม กรรชัย กล่าว
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ