“ทนายความ” เผยอาการ “สามารถ” ยังมีภาวะน้ำตาลตก เจ้าตัวยังอดอาหารตามเจตนารมณ์ พร้อมยืนยันยอมตายในคุก ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 พ.ย. 2567 น.ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เดินทางเข้าเยี่ยมนายสามารถ โดยใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง หลังการเข้าเยี่ยมเผยว่า ได้พูดคุยกับนายสามารถ โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องให้นายสามารถนั่งรถเข็นวีลแชร์มาพบตน เพราะอาการยังคงเหมือนกับเมื่อวันที่ 28 พ.ย. แต่วันนี้ยังมีภาวะน้ำตาลตก แพทย์ต้องให้จิบน้ำหวานตลอด

ส่วนอาหารและน้ำอื่นๆ นายสามารถยังคงอดตามเจตนารมณ์อยู่ ทางครอบครัวของนายสามารถได้พยายามบอกและขอให้นายสามารถกินอาหารให้ได้เหมือนเดิม เพราะยิ่งสุขภาพถดถอย ก็ยิ่งทำให้การทำงานการสู้คดีนั้นยากยิ่งขึ้น และถ้าวิกฤตถึงเสียชีวิตก็ไม่เป็นผลดี มองว่าการเรียกร้องความยุติธรรมควรต้องมีชีวิตเหลืออยู่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม แต่นายสามารถยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง

ทั้งนี้ เขาก็ยังยืนยันว่ายอมตายในคุกถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม และย้ำว่าสิ่งที่ทำไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง แต่ยังรวมถึงผู้ต้องหารายอื่นที่อยู่ในสถานะเดียวกัน ตนอยากให้นายสามารถออกไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ที่เคยรักษาไว้ แต่ทาง รพ.ราชทัณฑ์มีความเห็นว่า นายสามารถควรกลับไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพราะกลัวกระแสสื่อกดดัน

สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีฟอกเงินต้องไปดูความผิดมูลฐาน หากมันชัดก็สามารถดำเนินคดีได้ แต่ในคดีดิไอคอนความผิดยังไม่มีการตัดสิน ฉะนั้นจะแจ้งข้อหาการฟอกเงินไม่ได้ ส่วนที่ดีเอสไออ้างว่าเป็นความผิดแชร์ลูกโซ่ เป็นเพียงคำให้การหรือคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น

อีกทั้งที่มีการคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่านายสามารถจะยุ่งเหยิงพยาน ประเด็นนี้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการยุ่งเหยิงเพราะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการเงินมีการอายัดบัญชีไว้หมดแล้ว ไม่สามารถโอนเงินเข้าออกได้ ส่วนเรื่องการหลบหนีตามบันทึกการจับกุมที่ สภ.แม่ยาว เป็นการมอบตัว แต่ดีเอสไอกลับไปยื่นคำร้องฝากขังว่ามีพฤติกรรมหลบหนี ซึ่งการไป จ.เชียงราย มีพยานมีอดีตข้าราชการ อดีตรอง ผบ.ตร. อดีต ส.ส. ร่วมไปด้วย พร้อมจะเป็นพยาน และวัดห้วยปลากั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน

ซึ่งหากจะหลบหนีตนมองว่า จ.เชียงราย ไม่เหมาะสมเพราะมีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนอย่างแน่นหนา และวันดังกล่าวนายสามารถได้คุยกับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าทราบมีการออกหมายจับและยังมีการระบุในคลิปเสียงว่าจะเดินทางไปมอบตัว เท่าที่ทราบการเดินทางไป จ.เชียงราย ของนายสามารถมีการวางแผนล่วงหน้าประมาณ 3-4 วัน ตนถูกเชิญไปด้วยแต่ไม่ได้ไปเพราะติดธุระ และวันที่เดินทางก็คือช่วงเช้าของวันที่ 25 พ.ย. หากวันนั้นมีประชาชนหรือพระเห็นก็แสดงให้เห็นแล้วว่านายสามารถไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และนายสามารถก็เคยเดินทางมาทำบุญที่วัดนี้แล้ว

ส่วนประเด็นเรื่องเอกสารการกู้ยืมเงินและการทำบุญระหว่างนายสามารถกับบอสพอล ที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอตรวจพบภายในบ้านพักของนายสามารถ ระบุวันที่ 12 พ.ย. นายสามารถและบอสพอลมีการคืนเงินที่ยืมกัน ชดใช้กันหมดแล้ว ประเด็นนี้ตนมองว่า ทางบอสพอลให้เซ็นเพื่อไม่ให้เป็นการฟ้องร้องทางแพ่งต่อกันระหว่างบอสพอลและนายสามารถ ส่วนประเด็นดังกล่าวทางดีเอสไอจะนำไปเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน

สำหรับการกู้ยืมเงินตั้งแต่ช่วงปี 2564 แต่ทำไมถึงมาเซ็นเมื่อ 12 พ.ย. ตนไม่ทราบว่าทำไม แต่ในกรณีแบบนี้ก็มีเยอะในกลุ่มเจ้าหนี้ลูกหนี้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะมองและคิดแบบนั้น แต่ส่วนตนมองว่าเป็นการตัดอำนาจเรื่องของการฟ้องแพ่งระหว่างกัน อีกทั้งช่วงปี 2564 นายสามารถไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีราชกิจจานุเบกษาให้นายสามารถออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 ส่วนที่อยู่ในสังกัดพรรคนั้นไม่ใช่ข้าราชการทางการเมือง เป็นเพียงสมาชิกพรรค

ทั้งนี้ คดีฟอกเงินมีเส้นเงินอยู่ 2.5 ล้านบาท แต่ความเสียหายที่ดีเอสไอตั้งไว้คือ 2,900 ล้านบาท หากดูปริมาณความเสียหายกับยอดเงินของฝั่งนายสามารถ เทียบกันไม่ได้เลย เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายฟอกเงินคือการรวบรวมเงินคืนผู้เสียหาย จึงมองว่า การทำคดีนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะมาวิ่งตามเงินเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่เงินใหญ่ๆ ก็มี ถึงเวลาหากคดีจบตัดสินจริง ผู้เสียหายก็ไม่รับการเยียวยา

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทีมทนายมีการไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เพื่อยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถ ซึ่งหลักฐานที่นำไปยื่นคือหลักฐานการคุยกับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา เป็นคลิปเสียงยืนยันไม่ได้หลบหนีและจะไปมอบตัว และประวัติการรักษา ส่วนหลักทรัพย์ในครั้งนี้ที่ยื่นจะใช้เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1.2 ล้านบาท โดยพร้อมขอศาลติดกำไล EM.