เชียงใหม่ – สั่งย้ายกราวรูด 10 ตำรวจ นปพ.สืบภาค 5 เข้า ศปก. พร้อมตั้งกรรมการสอบ หลังถูกร้องเรียนรีดเงินนักธุรกิจที่จังหวัดลำพูน จะไปจับต่างด้าวไซต์งานก่อสร้าง แต่ไม่มีหมายค้น อีกฝ่ายมีใบอนุญาตถูกต้อง ก่อนมั่วนิ่มขอค่าใช้จ่ายรายเดือน คนๆ ละ 1,000 บาท
ความคืบหน้ากรณี นายวงศพัทธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เจ้าของธุรกิจทำป้ายโฆษณาที่จังหวัดลำพูน เข้าร้องเรียนกับนายธมนันท์ แตงทิม แอดมินเพจ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่” ระบุว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 11 คน อ้างตัวเป็นตำรวจชุด นปพ. สืบสวนภาค 5 บุกตรวจค้นบ้านโดยไม่มีหมายศาล ไม่แสดงบัตรข้าราชการตำรวจและแสดงตัว พยายามตรวจค้นแรงงานต่างด้าว 3 คน ที่ผู้รับเหมาที่จ้างมาก่อสร้างบ้าน แต่ก็มีใบอนุญาตถูกต้อง ไม่พบความผิดใด จากนั้นได้ขอค่าใช้จ่ายรายคนๆ ละ 1,000 บาท ต่อเดือน พร้อมส่งเลขบัญชีให้ทางไลน์กับผู้รับเหมาเพื่อโอนเงิน แลกกับการไม่ถูกตรวจค้นอีก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจติดต่อขอความช่วยเหลือ จ่าคิงส์ พามาร้องขอความเป็นธรรมกับ ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดดังกล่าว ตามความผิด ม.157
สำหรับเรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้น มีรายงานว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ภ.5) ได้รับทราบข้อมูลและอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง โดย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 เผยว่า ได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริง ล่าสุดยืนยันว่าเป็นตำรวจจริงทั้งหมด 10 นาย และอีก 1 คนเป็นสายข่าว ขณะนี้ได้ย้ายตำรวจทั้งหมดเข้าไปปฏิบัติงานที่ ศปก.ภ.5 แล้ว พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัย หากผิดจริงก็จะดำเนินการ โทษสูงสุด คือ ไล่ออกจากราชการ
สำหรับเรื่องดังกล่าว ตำรวจทั้งหมดได้ชี้แจงว่ามีภารกิจเข้าตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่ไซต์งานก่อสร้างอีกแห่งหนึ่ง แต่ระหว่างทางได้แวะเข้าไปที่บ้านของผู้ร้องเรียนที่กำลังมีการก่อสร้าง เพื่อเข้าไปตรวจสอบคนต่างด้าวผิดกฎหมายตามที่สายแจ้งมา โดยการเข้าไปยอมรับว่าไม่ได้มีหมายค้น แต่ได้แสดงตัวเป็นตำรวจ เมื่อเข้าไปแล้วได้มีการสอบถามเรื่องแรงงานต่างด้าว ไม่ได้เข้าค้นบ้านหรือไปเรียกรับเงิน แต่กลับพบว่าคนที่เรียกรับเงินเป็นสายที่ไปด้วยกัน ซึ่งหมายเลขบัญชีที่ถูกนำไปร้องเรียนก็เป็นบัญชีม้าของสายข่าวคนดังกล่าว
พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้กำชับลูกน้องให้ทำงานอย่างถูกต้อง ไม่ให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของตำรวจ แต่เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจะต้องมีการดำเนินการลงโทษกับกลุ่มตำรวจกลุ่มนี้ตามหลักฐานความผิดที่ปรากฏ
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ