เกิดเหตุยิงกันหลังฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ปลอกกระสุนหล่นเกลื่อน พบผู้เสียชีวิต 4 ศพ เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดปมทวงเงิน ด้านตำรวจเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

วันที่ 26 พ.ย. 67 มีรายงานว่า จากเหตุสลดยิงกันในซอยหลังฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย เป็นเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : เกิดเหตุยิงกัน บริเวณซอยหลังฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ ดับ 4 เจ็บสาหัส 1)

จากการตรวจสอบพบว่า เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ประสิทธิ์ เมฆษา สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายเหตุเกิด ซอยเทศบาลบางปู 2/2 (หลังฟาร์มจระเข้) ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านเช่าชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ ปลูกติดถนนไม่มีรั้วกั้น บริเวณเพลิงพักข้างบ้าน พบผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย โดยศพแรกชื่อนายวาสนา อายุ 45 ปี สภาพศพอยู่ในลักษณะนั่งคร่อมอยู่กับม้าหินอ่อน พลิกศพพบมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนเข้าที่ท้อง 1 นัด หน้าอก 1 นัด หลัง 2 นัด ใกล้กันบริเวณพื้น พบศพนางรัตตาภัค อายุ 43 ปี ภรรยาของนายวาสนา สภาพนอนคว่ำหน้า พลิกศพพบบาดแผลถูกยิงด้วยปืนเข้าที่ต้นขาขวาทะลุขาซ้าย 1 นัด ต้นขาซ้าย 1 นัด แขนขวา 1 นัด บริเวณหน้าอก 2 นัด เสียชีวิตคาที่

ห่างไปประมาณ 5 เมตร บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวพบศพ นางทองศิริ อายุ 69 ปี แม่ของนางรัตตาภัค สภาพนอนหงายจมกองเลือด มีแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณหลัง 2 นัด หน้าอก 2 นัด และยังมี น้องแก้มบุ๋ย วัย 7 ขวบ ลูกสาวของนางรัตตาภัค มีบาดแผลถูกปืนยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด หลัง 1 นัด และบริเวณแขน 1 นัด อาการสาหัส ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.สมุทรปราการ

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายพิศิษฐ์ หรือ หนุ่ย อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเช่าของผู้ตาย หลังก่อเหตุใช้ปืนออโตเมติกยี่ห้อซิก ขนาด 9 มม. ซึ่งพบตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จ่อยิงที่ศีรษะของตนเอง ก่อนลั่นไกปิดชีพหนีความผิด นอนหายใจรวยรินอยู่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนนำตัวไปรักษาที่ รพ.สมุทรปราการ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่เกิดเหตุยังพบแม็กกาซีนซึ่งถูกยิงจนหมดแล้วตกที่พื้น 1 อัน ส่วนแม็กกาซีนที่บรรจุในปืน ยังพบกระสุนบรรจุอยู่อีก 4 นัด และที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 13 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามนายศุภเสกช์ อายุ 19 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้แม่เคยไปกู้ยืมเงินกับนายหนุ่ย ผู้ก่อเหตุแต่ไม่ทราบจำนวน เพื่อมาจุนเจือครอบครัว หลังจากยืมมาตนเองเคยเห็นนายหนุ่ย มาทวงอยู่บ่อยครั้ง จนเคยมีปากเสียงกับคนในครอบครัวถึงขั้นเอ่ยปากว่าถ้าไม่ได้จะยิงทิ้ง จนวันพ่อกับแม่ นั่งกินข้าวอยู่เพลิงพักข้างบ้าน ส่วนน้องและยายอยู่ในบ้าน ตนเองจึงออกไปเล่นกับเพื่อน แต่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ได้รับข่าวร้ายว่าครอบครัวถูกยิง จึงรีบกลับมาที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องทวงหนี้ ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน

ส่วนทางด้านนายไพบูลย์ พินเที่ยง กำนันตำบลท้ายบ้าน กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นานหลายปีแล้ว มีอาชีพปล่อยเงินกู้และให้เช่าบ้าน ปกตินายหนุ่ย เป็นคนนิสัยดีไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ลึกๆ แล้วตนเองก็ไม่ทราบว่าทั้งสองฝ่ายมีเรื่องอะไรกัน ก่อนเกิดเหตุ ช่วงประมาณ 4 โมงเย็นนายหนุ่ย ยังขี่รถจักรยานยนต์ไปดื่มเหล้าที่บ้านตน และคุยกันตามปกติ ก่อนที่ช่วงประมาณ 19.00 น.นายหนุ่ยได้ขอตัวกลับบ้าน จนมาก่อเหตุสลด

ขณะที่พยานแวดล้อมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ยินทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันเสียงดัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด จึงออกมาดู พบนายหนุ่ยกำลังใช้ปืนจ่อศีรษะของตัวเองก่อนที่จะลั่นไก ขณะนั้นตนเองเห็นน้องแก้มบุ๋ย เดินออกมาจากบ้าน บอกว่าเจ็บหลังตนเองไปดูพบว่าน้องถูกยิง จึงบอกให้น้องนอนลง และรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ ส่วนน้องแก้มบุ๋ย ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุนายหนุ่ยมาทวงเงินกับแม่ที่บ้าน ก่อนที่จะทะเลาะกัน แม่จึงพาตนเข้าไปในบ้านก่อนที่จะเดินออกมา กระทั่งนายหนุ่ยใช้ปืนยิงแม่ของตนและพ่อ ตนและยายได้ยินเสียงปืน จึงเดินออกมาดู ก่อนที่นายหนุ่ยจะหันกระบอกปืนมายิงใส่ตนและยาย

พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า เบื้องต้นปมเหตุน่ามาจากเรื่องเงินกู้ ที่ผู้ตายไปยืมมาจากนายหนุ่ย เนื่องจากสอบพยานไป 2 ปาก ให้การตรงกันว่าเป็นเรื่องกู้เงิน เนื่องจากนายหนุ่ยเคยมาทวงและมีปากเสียงกันมาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่น และสาเหตุที่คับแค้นยิงทั้งครอบครัวเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุต่อไป

ตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นพบว่าเป็นของนายหนุ่ยเอง และเป็นปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมไม่พบว่านายหนุ่ยเคยถูกต้องโทษคดีอาญา.