เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโรงเรียนแพทย์ออกประกาศ ขอให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ต้องมีเอกสารส่งตัวจากหน่วยบริการปฐมภูมิที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เนื่องจาก สปสช.มีประกาศเปลี่ยนแปลง เงื่อนไขการจ่ายค่าใช้จ่ายกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่รับบริการที่ไหนก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ว่า เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลบางส่วนระหว่างโรงเรียนแพทย์กับ รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เท่ากัน ซึ่งถือเป็นปัญหา โดยโรงพยาบาลแพทย์ทำแบบละเอียด ส่วนโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทำตามปกติ ดังนั้น สปสช. คณะผู้บริหารทั้งหลายจึงได้พยายามที่จะปรับให้ค่ารักษาเท่ากัน ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยให้ได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 ม.ค.2568 สำหรับโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไม่เป็นปัญหาเรื่องใบส่งตัว เพราะมีการเชื่อมฐานข้อมูลดิจิทัล เรียบร้อยแล้ว ส่วน ร.ร.แพทย์ ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการหารือ
วันเดียวกันที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวด่วนชี้แจงกรณีการปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่าย “โรคมะเร็งรักษาทุกที่” โดย นพ.จเด็จกล่าวว่า ขอยืนยันว่านโยบายโรคมะเร็งรักษาทุกที่ ยังคงดำเนินการต่อ ไม่มีการยกเลิก แต่ที่ผ่านมาอาจเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องประกาศต่างๆ ดังนั้น สปสช.ได้หารือกับผู้บริหารโรงเรียนแพทย์ ได้แก่ รพ.จุฬาฯ รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.จุฬาภรณ์ และ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น และมีมติร่วมกันว่า สปสช.จะชะลอประกาศเรื่องการปรับการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยกลับไปใช้เกณฑ์เดิม ดังนั้น จึงไม่ต้อง ใช้ใบส่งตัว รวมทั้งยังคงสามารถรักษาโรคร่วมหรือการรักษาต่อเนื่องได้ โดยผ่อนผันเป็นเวลา 3 เดือน และในระหว่างนี้จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด เพื่อทบทวนปัญหาในอดีตปัจจุบันและวางแผนทางการพัฒนาในอนาคต โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช.กับหน่วยบริการ โดย สปสช.จะรวบรวมข้อมูล ปัญหาและข้อเสนอแนะ เสนอต่อบอร์ด สปสช.เพื่อปรับปรุงนโยบายโรคมะเร็งรักษาทุกที่ให้ดียิ่งขึ้น
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ