“ธรรมนัส” ควง “สุชาติ-ชาดา” ร่วมพิธีเก็บศพ สจ.โต้ง หลังครอบครัวยังไม่ฌาปนกิจจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ขณะที่ “ทักษิณ” ติดภารกิจด่วนมาร่วมไว้อาลัยไม่ได้ ด้าน “สจ.จอย” ภรรยา สลัดความกลัว ประกาศลั่นกลางงานสานต่อเจตนารมณ์สามี สวมเสื้อเพื่อไทยลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปราจีนบุรี สู้บ้านใหญ่ ด้านพิสูจน์หลักฐานกลางนำผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืนตรวจหาวิถีกระสุนบ้านโกทรอีกรอบ เคลียร์ข้อกังขามือยิงไม่ได้มีแค่ 2 คน

ภายหลังตำรวจกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี พุ่งเป้าคนใกล้ชิดนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี และอดีต รมช.สาธารณสุข ที่ตกเป็นผู้ต้องหาพร้อมลูกน้องอีก 6 คนคดีร่วมกันสังหารโหดนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง คาบ้านตัวเองเลขที่ 21/1 ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่า สาเหตุมาจากขัดแย้งเรื่องการส่งคนลงเลือกตั้งนายกอบจ.ปราจีนบุรี หลัง สจ.โต้งเตรียมส่ง น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา ลงชิงเก้าอี้ แต่โกทรไม่เห็นด้วย ทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ล่าสุดมีการตรวจค้นถึง 59 เป้าหมาย ยึดปืนได้ถึง 79 กระบอก ขณะที่ สจ.จอย ส่งทนายความร้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ขอโอนคดีให้กองปราบปราม เนื่องจากกังวลไม่ได้รับความเป็นธรรมและยืนยันจะไม่เผาศพสามีจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม

ความคืบหน้าคดีฆ่าโหด สจ.โต้ง เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่วัดมะกอกสีมาราม ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยาและอดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเก็บร่างนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง หลังจาก น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้งและครอบครัวไม่ต้องการฌาปนกิจศพในเวลานี้ เพื่อรอให้ผลคดีมีความชัดเจนว่าสามารถเอาผิดนายสุนทร หรือโกทร กับลูกน้องอีก 6 คนถึงที่สุด ภายในงานมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย นักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ปราจีนบุรี และใกล้เคียงร่วมไว้อาลัย อย่างไรก็ตาม กำหนดเดิมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยทาบทาม น.ส.ณภาภัช ภรรยา สจ.โต้ง ลงสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรีที่จะถึงนี้จะเดินทางไปร่วมงานด้วยตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลานายทักษิณไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด

ร.อ.ธรรมนัสเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพา น.ส.ณภาภัช หรือ สจ.จอยไปกราบท่านทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่ สจ.โต้งจะเสียชีวิตไม่กี่วัน “ตั้งแต่โต้งเสียชีวิตจอย โทร.หาผมเกือบทุกวัน ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง แต่วันนี้ได้คุยกันคร่าวๆก็น่าจะลงนายก อบจ.ปราจีนบุรี จอยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่จะลงในนามอิสระหรือนามพรรคว่ากันอีกที” เมื่อวานไปกราบเรียนท่านทักษิณที่จะมาวันนี้ แต่ก็ติดภารกิจเร่งด่วน ท่านฝากแสดงความเสียใจมาด้วย เมื่อถามถึงชื่อ ร.อ.ธรรมนัสในคลิปเสียง ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า “โต้ง โทร.หาผมตลอด เขาปรึกษาว่าจะไปเคลียร์ใจ ผมก็ถามว่าไม่ได้เคลียร์กันเหรอ เขาบอกเคลียร์แล้ว มีรายละเอียดอยู่ในรูปคดี ไม่อยากพูด จะทำให้เสียรูปคดี”

ด้าน น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง กล่าวว่า ตอนนี้ท่านธรรมนัสเป็นตัวแทนพี่โต้ง ก็จะยืนยันว่าจะลงสมัครนายกอบจ.ปราจีนบุรี ในนามเพื่อไทย เพื่อสานฝันให้ สจ.โต้งด้วย ยอมรับใจลึกๆก็กลัว แต่เชื่อว่าคนอยู่ภายใต้ของกฎหมาย คนต้องเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าความยุติธรรมจะต้องมี ถือว่าเป็นการทำตามความฝันและตามเจตนารมณ์ของพี่โต้ง เพราะเขาอยากให้เราลง ส่วนคดีก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนความคืบหน้าด้านคดี ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) นำผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานอาวุธปืนร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดปราจีนบุรีลงพื้นที่ ตรวจสอบพยานหลักฐานบ้านเกิดเหตุของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร ผู้ต้องหาคนสำคัญอีกรอบ พล.ต.ต.วาทีเปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากสังคมไม่เชื่อว่ามีแค่ลูกน้องโกทร 2 คนที่รับว่าเป็นมือยิง ก่อนลงพื้นที่ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี เพื่อวางแผนตรวจพิสูจน์หลักฐานในครั้งนี้ให้มีความเชื่อมโยงและรัดกุมมากยิ่งขึ้น ประเด็นหลักที่ต้องตรวจคือวิถีกระสุนและร่องรอยที่ปรากฏ เนื่องจากมีข้อสงสัยบางประการเกี่ยวกับวิถีกระสุน จึงนำผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานอาวุธปืนจากพิสูจน์หลักฐานกลางลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

ผบก.พฐก.กล่าวย้ำว่า การตรวจในครั้งนี้ไม่ใช่การตรวจซ้ำ เป็นการตรวจเพิ่มเติม เพื่อยืนยันหลักฐานที่ได้ส่งไปยังห้องปฏิบัติการก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นหัวกระสุน ปลอกกระสุน หรือคราบเขม่าดินปืน ซึ่งเก็บจากทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมถึง ผู้เสียชีวิต เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามรูปแบบที่ควรจะเกิดขึ้นหรือไม่ การตรวจเพิ่มมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจนในคดี ไม่ให้เกิดข้อครหาจากสังคม โดยเฉพาะคำถามที่ยังคงค้างคาใจ เช่นกรณีผู้ก่อเหตุอาจมีมากกว่า 2 คน เรื่องนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ จำเป็นต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ลงพื้นที่เพิ่มเติม ส่วนการตรวจลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอที่เกิดเหตุกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดปราจีนบุรีและพิสูจน์หลักฐานภาค 2 ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว วันนี้เพียงมาตรวจยืนยันร่องรอยวิถีกระสุน เพื่อให้หลักฐานมีความถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับผลการตรวจคราบเขม่าดินปืนในเบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ที่ศาลาว่าการ กทม. บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงการโอนย้ายคดีนายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง มาที่กองปราบปรามว่า คดีนี้ ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี บริหารจัดการคดีได้เป็น อย่างดี แต่กระบวนการโอนคดีต้องเข้าเงื่อนไขด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาก่อนจะเสนอมายัง ตร.จะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ยังไม่ทราบ ต้องพูดคุยเรื่องความชัดเจนของคดี และความเป็นธรรมของผู้ร้องขอ คดีนี้มีความซับซ้อนในตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตำรวจสอบสวนกลางน่าจะมี ความเหมาะสมในการทำคดี ขั้นตอนจากนี้จะเข้าสู่การ พิสูจน์ทราบ การรวบรวมพยานหลักฐานเก็บรายละเอียด ดีเอ็นเอวัตถุพยาน เขม่าดินปืน พยานบุคคลที่ต้อง สอบสวน เพื่อสนับสนุนองค์ประกอบฐานความผิด ที่ได้แจ้งผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนไปแล้ว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า มั่นใจในตัว ผบช.ภ.2 และ ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี มีความตั้งใจที่จะปราบปรามและป้องปรามผู้ที่คิดว่าตนเองมีอิทธิพลในพื้นที่แล้วจะทำอะไรก็ได้ ตำรวจจะไม่ยอมในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่า จะเป็น จ.ปราจีนฯ หรือจังหวัดใดก็ตาม จะต้องป้องกัน และปราบปรามอย่างจริงจัง ส่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะตั้งคณะกรรมการดูคดีของ สจ.โต้งนั้น จะต้องรอนโยบายนายกฯ แม้กระทั่งตำรวจเองเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่อยากจะใช้คำว่า ยินยอม เราต้องไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก คนไหนเป็นผู้มีอิทธิพลตำรวจต้องเข้าไปปราบปรามทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนอยู่โดยไม่หวาดระแวง การตั้งคณะกรรมการมาดูเรื่องนี้เป็นการเฉพาะก็สอดคล้องกับแนวคิดของตำรวจที่ต้องการปราบปรามอยู่แล้ว

“การเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมีขึ้นอีกหลายจังหวัด ที่ปราจีนบุรีจะเป็นต้นแบบ ผมจะลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตนเองร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน เราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในจังหวัดอื่น จะบ้านเล็กหรือบ้านใหญ่ ไม่ให้มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างอิทธิพลด้วยการมีสมุนที่มีประวัติอาชญากรรม เป็นอาชญากรที่เคยต้องโทษ หรือจะมีอาวุธไว้ในการครอบครองทั้งที่ มีทะเบียนและไม่มีทะเบียน จะต้องผ่านการตรวจสอบว่าใช้ในการกระทำผิดหรือไม่ ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าท่านคิดว่าเป็นผู้มีอิทธิพลแล้วทำสิ่งใดที่นอกเหนือกฎหมาย เราเยี่ยมท่านแน่นอน” ผบ.ตร.กล่าว