ศาลจังหวัดนราธิวาสแถลง จำหน่ายคดี “สลายม็อบตากใบ” ออกจากสารบบ ปิดฉากคดีถาวรฟ้องใหม่อีกไม่ได้แล้ว ชาวตากใบครวญสิ้นหวัง ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในไทย หลังต่อสู้ยืดเยื้อมา 20 ปีอย่างขมขื่น 7 จำเลยลอยนวลท่ามกลางคราบน้ำตา ญาติเหยื่อเผยอาจส่งเรื่องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศลากตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ “ทนายความ” ฟาดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งสอบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แนะจำเลยที่เป็นข้าราชการเกษียณคืนเงินบำเหน็จบำนาญ เพราะถือว่าทำผิดกฎหมาย

ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รอง ผวจ.นราธิวาส ฝ่ายความมั่นคง ขอสนับสนุนกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการ พิเศษ และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน จ.นราธิวาส มาดูแลความสงบเรียบร้อยภายในศาล เพื่อป้องกันสกัดกั้นเหตุต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากมือที่ 3 เนื่องจากมีญาติและมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจและฟังคำสั่งศาลในคดีม็อบตากใบ

เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ อ 1516/2567 ระหว่าง น.ส.ฟาดีฮะห์ ปะจูกูเล็ง กับพวกรวม 48 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4, จำเลยที่ 3 พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีต ผบ.กองพลทหารราบที่ 5 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส, จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีต ผอ.ศปก. ตร.สน., จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีต ผบช.ภ.9, จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีต ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส, จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรอง ผอ.กองอำนวยการ เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้, จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีต ผวจ.นราธิวาส เนื่องจากจำเลยทั้ง 7 คน เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง มีส่วน เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547

ต่อมาศาลได้ออกหมายจับ แต่ไม่สามารถจับกุมจำเลยทั้ง 7 คนได้ และคดีหมดอายุความไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2567 ในวันนี้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความ ทำให้สิทธินำคดีอาญาระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) เหตุที่ศาลมีคำสั่งจำหน่าย คดีแทนพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าวเป็นกรณีที่ปัญหาเรื่องคดีขาดอายุความ ปรากฏต่อศาลในชั้นทำคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ศาลยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยไป แต่คดีนี้จำเลยทั้ง 7 คน ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณา แต่หลบหนีจนคดีขาดอายุความ ไม่สามารถดำเนินกระบวนการพิจารณา ต่อไปได้ ต้องจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

นายมูฮัมหมัดซาวาวี อุเซ็ง 1 ในญาติผู้เสียชีวิตที่ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องในคดีนี้กล่าวว่า คดีนี้ศาลไม่ได้ยกฟ้อง แสดงว่าผู้กระทำผิดยังมีมลทิน ความผิดอยู่ในการหนีคดี ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อต่อสู้ แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริสุทธิ์จริงๆ และ 7 จำเลยในคดียังลอยนวลท่ามกลางคราบน้ำตาของผู้สูญเสีย ส่วนตัวมองว่าความยุติธรรมไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิต ญาติยังรอความยุติธรรม คนที่มีชีวิตอยู่ต้องต่อสู้กันต่อไป อาจมีช่องทางหนึ่งที่เป็นไปได้คือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ถ้ามีโอกาสเราจะไป จะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยไม่ได้มีอยู่จริง คนผิดทุกคนได้รับการปกป้องจากรัฐบาลทุกยุคสมัยที่ต่างนิ่งดูดาย ทำให้ญาติรู้สึกขมขื่นที่ต้องสู้กันตามลำพังมา 20 ปี

ด้านนายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า มีคำถามของประชาชน เราสามารถไปฟ้องศาลโลกได้หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ คนเสียชีวิต 85 ศพไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่การจะใช้ศาลพิเศษ หรือศาลอาชญากรสงคราม ต้องเป็นกรณีเกิดสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เรื่องความคิดจะปรับปรุงกฎหมายอายุความคดีที่มีความสำคัญ สภานิติบัญญัติต้องมาถกกันว่า ความผิดที่เป็นความผิดรุนแรงบางเรื่อง ควรไม่ต้องมีอายุความหรือไม่ วันนี้ศาลใช้คำสั่งออกมาคือ การจำหน่ายคดี ไม่ได้พิพากษายกฟ้อง ต้องย้อนไปถามว่า พนักงานสอบสวนในคดีนี้ ทำไมถึงเสนอความเห็นตอนเกือบจะขาดอายุความ ทำอะไรอยู่ตั้งนาน เมื่อเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วสำนวนคดีที่เสนอไปยังมีความเห็นไม่สั่งฟ้องอีก

“คนเสียชีวิต 78 คนที่ขาดอาการหายใจจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ มีรายงานการชันสูตรพลิกศพ เสียชีวิตจากการถูกกดทับ ภาพของการขนย้ายคนไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ให้นอนทับกันแบบไม่ถูกต้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องสั่งตรวจสอบ การทำงานของพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ชอบ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มีข้าราชการที่ถูกออกหมายจับและหลบหนี เมื่อขาดราชการต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย ขณะที่ข้าราชการผู้ใหญ่ที่เกษียณไปแล้ว ได้รับบำเหน็จหรือบำนาญทุกเดือน แต่กลับหันหลังให้กระบวนการยุติธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปพิจารณาว่าบำเหน็จบำนาญที่รับอยู่ควรเอามาคืนให้กับงบประมาณแผ่นดินที่นำไปจ่ายเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียหาย เพราะเอามาจากภาษีประชาชน” นายรัษฎากล่าว

ที่รัฐสภา นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กล่าวถึงคดีตากใบว่า แม้คดีหมดอายุความแล้ว แต่อยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ลงมือทำให้เห็นความจริงใจแก้ปัญหา นอกเหนือจากแสดงความเสียใจและขอโทษ หากรัฐบาลจริงใจต้องขอให้ประเทศ อังกฤษดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีไปอยู่ ไม่ใช่แค่บอก พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลาออกจากพรรคแล้ว ต้องแสดงความพยายามถึงที่สุด จะปล่อยให้หลบหนีแล้วจบไม่ได้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ผู้เซ็นอนุมัติให้ พล.อ.พิศาล ลาป่วยถึงวันที่ 30 ต.ค.67 จะบอกว่าใครยื่นมาก็เซ็นให้หมดไม่ได้ นายพิเชษฐ์รู้ดีคดีฟ้องไปแล้ว ต้องตรวจสอบ การเซ็นอนุมัติของนายพิเชษฐ์ว่าใช้ดุลพินิจถึงที่สุดหรือไม่ ความยุติธรรมเป็นหัวใจสำคัญที่จะแก้ปัญหาขัดแย้ง ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ความขัดแย้งในพื้นที่จะลดลง