ศาลออกหมายขังอดีตภรรยาและลูกสาว “หมอบุญ” นอนคุกพร้อมนัดไต่สวนคำร้องที่ทั้งคู่ขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์ คนละ 2 ล้านบาท 28 พ.ย.นี้ หลังตำรวจคุมตัวยื่นคำร้องฝากขัง 12 วัน พร้อมแนบคำร้องคัดค้านการประกันตัวร่วมกับผู้เสียหาย “ผบ.ต่าย” ระบุเป็น คดีใหญ่ ตั้ง “รองธนา” คุมคณะทำงานสอบสืบ เชื่อ “หมอบุญ” มีเจตนาหลบหนีออกนอกประเทศแต่แรก เพื่อนร่วมรุ่น “หมอบุญ” โร่แจ้ง ปอศ.เอาผิดหลังชักชวนลงทุนหุ้น รพ.สูญกว่า 25 ล้าน

กรณีศาลออกหมายจับนายแพทย์บุญ หรือหมอบุญ วนาสิน อายุ 86 ปี “หมอบุญ” ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี พร้อมพวกรวม 9 คน รวมไปถึงนางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี อดีตภรรยา และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ลูกสาว ในข้อหาฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงินและ พ.ร.บ.เช็ค หลังเปิด 5 โครงการใหญ่ล่อลวงเหยื่อที่หลงเชื่อโปรไฟล์กว่า 247 คนร่วมลงทุนสูญเงินรวมกันกว่า 7.5 พันล้านบาท ตำรวจตามจับเลขาฯและโบรกเกอร์ร่วมก๊วนได้ 6 คน ส่วน อดีตเมียกับลูกสาวเข้ามอบตัว อ้างถูกปลอมลายมือชื่อเซ็นค้ำประกันเงินกู้ พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวฝากขังศาลอาญา ส่วน “หมอบุญ” คาดรู้แกวบินหนีไปกบดานประเทศจีนตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.อยู่ระหว่างประสานตำรวจสากลตามล่า ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ ที่ สน.พญาไท เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 พ.ย. พ.ต.ต.คณัสนันท์ งามสง่า สว. (สอบสวน) สน.ห้วยขวาง นำตัวนางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี อดีตภรรยาและลูกสาว นพ.บุญ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5, 16 ออกจากห้องควบคุม สน.พญาไท ไปฝากขังที่ศาล อาญา พร้อมแนบคำร้องคัดค้านการประกันตัว

คำร้องระบุว่า นพ.บุญทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล ในนามบริษัท ธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THG) เป็นผู้ถือหุ้นของ THG เผยแพร่ชื่อเสียงผ่านสื่อต่างๆถึงความสำเร็จทางธุรกิจในฐานะผู้บริหารระดับสูง และได้รับการยกย่องเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจต่างๆ ทั้งด้านการบริหารกิจการโรงพยาบาล และพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าสูงหลายโครงการต่างๆซึ่งไม่มีอยู่จริง สร้างความน่าเชื่อถือให้นักลงทุนทั่วไป โดยชักชวนผู้เสียหาย หลายรายร่วมลงทุนผ่านตัวแทนโบรกเกอร์รูปแบบต่างๆ อาทิ กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน (CLEAN LOAN) โดย นพ.บุญออกเช็คชำระหนี้ และให้บุคคลในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดเป็นผู้อาวัลเช็ค และผู้ค้ำประกัน (กู้แบบไม่มีหลักค้ำประกัน) ให้ผลตอบแทนประมาณ 5-15% ต่อปี, กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้นบริษัท ธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) THG มามอบให้ผู้ให้กู้ (โอนหุ้นให้ผู้ให้กู้) ให้ผลตอบแทน 7-12% ต่อปี หรือร่วมลงทุนหุ้น IPO (หุ้นที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์) อ้างว่าจะมอบหุ้นบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด ให้ผู้ให้กู้ให้ผลตอบแทนประมาณ 5.0-8.0% ต่อปี สำหรับแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (CLEAN LOAN) เป็นต้น

คำร้องระบุต่อว่า การเชิญชวนจะมีบุคคลในครอบครัว นพ.บุญเป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกัน และลงลายมือชื่อสลักหลังเช็ค (อาวัล) เช่น น.ส.จารุวรรณ ภรรยา นพ.บุญ นางณวราอดีตลูกสะใภ้ นพ.บุญ เป็นผู้ค้ำประกัน โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่ารูปแบบที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สัญญากู้ยืมในแต่ละรายจะแตกต่างกัน มีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ถึง 1 ปี ส่วนใหญ่จะมีกำหนด 6 เดือน โดยตัวแทนหรือผู้ชักชวนจะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 2 จากยอดกู้ต่อการทำสัญญาหนึ่งครั้ง

ทั้งนี้ ขั้นตอนในการลงทุน จะมีตัวแทน นพ.บุญ นำเสนอการลงทุนในโครงการต่างๆ ร่วมลงทุนแบบให้กู้ การลงทุนครั้งแรกตัวแทนจะไปพบหรือติดต่อนักลงทุน แนะนำโน้มน้าวให้ผู้ลงทุนในลักษณะที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเนื่องจากได้ค่าตอบแทนสูงกว่ารูปแบบอื่นๆ เมื่อผู้ลงทุนตกลง ตัวแทนจะจัดเตรียมเอกสารใช้ลงทุนประกอบด้วย สัญญากู้ยืมเงิน, สัญญาค้ำประกัน และเช็คชำระหนี้เงินต้น และเช็คชำระดอกเบี้ย (แยกคนละฉบับ เช็คชำระเงินต้นสั่งจ่ายเมื่อครบสัญญา ส่วนดอกเบี้ยแบ่งชำระทุก 3 เดือน) ผู้เกี่ยวข้องลงลายมือชื่อไว้เรียบร้อยแล้วนำมามอบให้ผู้ลงทุน เงินที่ใช้ลงทุนจะโอนเข้าบัญชี นพ.บุญโดยตรง โดยฝ่ายผู้ให้กู้กับฝ่ายผู้กู้ และผู้ค้ำ ประกันไม่เคยพบกัน เว้นแต่ผู้ลงทุนจะไปพบ นพ.บุญโดยตรง

คำร้องระบุอีกว่า สำหรับเช็คชำระเงินต้น และดอกเบี้ย นพ.บุญจะลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เพียงผู้เดียว เมื่อครบสัญญาลงทุน (กู้ยืม) ตัวแทนหรือโบรก เกอร์จะโน้มน้าวชักชวนให้ลงทุนต่อโดยใช้เงินต้นเดิม และทำสัญญากู้ยืมใหม่ (เป็นการเปลี่ยนสัญญา) โดยโบรกเกอร์จะจัดทำเอกสารดังกล่าวข้างต้นมอบให้ผู้ลงทุนเหมือนครั้งแรก เมื่อเช็คถึงกำหนดเรียกเก็บเงินผู้ลงทุนนำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธจ่ายเงินทำให้ได้รับความเสียหาย 247 คน (จำนวน 1,032 คดี เช็คของกลาง 1,032 ฉบับ) รวมความเสียหาย 7,564,433,637 บาท

เมื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคาร ทหารไทยธนชาต สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 พบความเคลื่อนไหวบัญชีชื่อ นพ.บุญ เป็นบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ เป็นบัญชีที่สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ลงทุนพบว่าหลังรับโอนเงินจากผู้ลงทุนแล้วในวันเดียวกันหรือไม่เกิน 3 วันจะย้ายเงินออกจากบัญชีดังกล่าวทันทีโดยถอนเงินออกจากบัญชีด้วยเช็คสั่งจ่ายเข้าบัญชีอื่นของตน อีกทั้ง นพ.บุญยังมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คโดยเจตนาโยกย้ายเงินเพื่อปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คเพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนนำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามวิธีของธนาคารได้ มีจุดประสงค์ไม่ให้ผู้เสียหายได้รับชำระหนี้ตั้งแต่ต้น

จากการสอบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน นพ.บุญเป็นตัวการระดมทุน ผู้รับมอบเงินผู้ลงลายมือชื่อเป็น “ผู้กู้” ในสัญญากู้ยืม ผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คทุกฉบับ และเป็นผู้รับเงินโดยตรงจากผู้เสียหายเข้าบัญชีโดยตรงและเป็นผู้ติดต่อชักชวนทำสัญญาโดยตรงกับผู้เสียหาย น.ส.จารุวรรณ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆเป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เป็นผู้ถือหุ้น THG นำมาค้ำประกันในสัญญากู้ต่างๆ ส่วน น.ส.นลิน เป็นลูกสาว ผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ เป็นผู้ลงลายมือชื่ออาวัลในเช็ค เหตุเกิดที่ธนาคาร แห่งหนึ่ง สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-2 เป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5,16 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ

พนักงานสอบสวนฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 2 จะครบกำหนดแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ด้วยเหตุผลดังกล่าวขอฝากขังผู้ต้องหาที่ 1-2 ระหว่างการสอบสวน ตั้งแต่ 25 พ.ย.—6 ธ.ค.67 และขอคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายเป็นวงกว้าง ความเสียหายมีมูลค่าจำนวนมากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 จะหลบหนี ประกอบกับมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และมีตัวแทนผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเช่นกัน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขัง

ภายหลังศาลรับคำร้อง ผู้ต้องหาที่ 1-2 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราววางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท ศาลพิจารณาคำร้องเห็นว่าตามคำร้องขออนุญาตปล่อยชั่วคราว มีเอกสารประกอบคำร้องที่ศาลต้องพิจารณาจำนวนมาก ให้ไต่สวนคำร้องนี้ก่อนพิจารณาสั่งโดยสำเนาคำร้องของผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้พนักงานสอบสวน และนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 28 พ.ย.67 เวลา 10.00 น. ให้หมายขังผู้ต้องหาทั้ง 2 ระหว่างสอบสวน ไว้ก่อนและให้เบิกผู้ต้องหาทั้ง 2 จากทัณฑสถานหญิงกลางมาในวันนัดไต่สวน ให้แจ้งพนักงานสอบสวนทางโทรศัพท์ก่อนล่วงหน้า

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เผยถึงคดีนี้ว่า ขณะนี้มีผู้ต้องหา 9 คน จับแล้ว 8 คน ทุกคนไม่ได้รับการประกันตัว และอยู่ในชั้นกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ตั้งคณะทำงานมอบหมาย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ มีผู้เสียหายหลายรายต้องสอบสวนความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดส่วนกระแสข่าว นพ.บุญเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่เดือน ก.ย.นั้นเพราะอาจรู้ตัวก่อน แต่ผู้เสียหายเริ่มมาร้องทุกข์ทีหลัง คิดว่าเจ้าตัวมีเจตนาตั้งแต่แรกขณะนี้ยังไล่เส้นทางการเงินอยู่ยังไงเรื่องการฟอกเงินก็ต้องโดน ส่วนเรื่องติดตามตัวกำลังดำเนินการเต็มที่ ประสานกับอินเตอร์โพลอยู่ ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มาก ส่วนประเทศปลายทางที่ นพ.บุญหลบหนีไปนั้นกำลังสืบสวนว่าอยู่ประเทศไหน ต้องดูสนธิสัญญาระหว่างกันว่าจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างไร ขณะนี้กำลังประสานอินเตอร์โพล และสืบสวนเชิงลึกอยู่

อีกด้านหนึ่ง ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายโพธิรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ทันตแพทย์ และ พญ.สลวย (สงวนนามสกุล) อายุ 86 ปี แม่ยายและเพื่อนร่วมรุ่น นพ.บุญ วนาสิน เข้าพบ พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. แจ้งความเอาผิดหมอบุญ กรณีหลอกให้ร่วมลงทุนเสียหายกว่า 25 ล้านบาท โดยนายโพธิรัตน์กล่าวว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ภรรยาและ แม่ภรรยาได้รับการชักชวนจากคณะทำงานหมอบุญว่า จะระดมทุนออกเงินกู้ ขณะนั้นโรงพยาบาลธนบุรียังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ จะให้ผลตอบแทนปีละ 7% ปีแรก คือ ปี 58 ภรรยาตนลงทุนไป 2 ล้านบาท สัญญามีระยะเวลาปีต่อปีและจะให้เงินปันผลในเดือน มิ.ย. กับ ธ.ค.ของทุกปี ทุกปีที่ภรรยาลงทุน ได้เงินปันผลตอบแทนครบถ้วนทุกปีไม่มีปัญหา กระทั่งลงทุนเพิ่ม ถึงปีนี้ยอดรวมเงินลงทุนของภรรยาอยู่ที่ 8 ล้านบาท ส่วนแม่ภรรยา 17 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย. ยังได้รับเงินปันผลตามปกติ แต่เมื่อทราบข่าวเกิด ความกังวลเพราะวันที่ 12 ธ.ค. จะครบรอบสัญญาของปีนี้ จึงได้ติดต่อหาคณะทำงานของหมอบุญ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

วันเดียวกัน น.ส.ณัฐธกานต์ จิตติณพัฒน์ เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุถึงกรณีศาลออกหมายจับ นพ.บุญ วนาสิน และพวกในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน รวมถึงนางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยา และ น.ส.นลิน วนาสิน ลูกสาว นพ.บุญ ทั้งคู่เป็นกรรมการของบริษัทและเข้ามอบตัวพร้อมชี้แจงว่าลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปลอมแปลง บริษัทขอชี้แจงว่ามิได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆจากทั้ง 2 ท่านในกรณีที่มีข่าวแจ้งข้อกล่าวหา และทั้ง 2 ท่านยังมิได้แสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายยังมิได้ส่งผลให้ทั้ง 2 ท่านขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท เพราะยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด

น.ส.ณัฐธกานต์กล่าวต่อว่า แม้ทั้ง 2 ท่านจะดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท แต่ถือเป็นเพียงกรรมการในทั้งหมด 15 ท่าน และทั้ง 2 ท่านไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองของบริษัทจึงไม่มีอำนาจกระทำการใดๆในนามของบริษัทจะสามารถผูกพันบริษัทได้ การดำเนินงานของบริษัทยังดำเนินต่อไปและไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจหรือการปฏิบัติงานของบริษัท อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของกรณีนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท อาจพิจารณานำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของกรรมการทั้ง 2 ท่านต่อไป

นอกจากนี้ยังขอชี้แจงกรณีที่สื่อนำเสนอว่า นพ.บุญนำเงินส่วนตัวมาร่วมลงทุนในโครงการ “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ร่วมกับบริษัทว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง การลงทุนในโครงการนี้เป็นการลงทุนของบริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด เป็นบริษัทย่อยถือหุ้นเกือบทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน ส่วนโครงการธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เป็นการดำเนินการโดย นพ.บุญ แต่เพียงผู้เดียว บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทมีหนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่างๆว่า นพ.บุญลาออกจากการเป็นกรรมการและประธานกรรมการของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.65 ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆหรือเกี่ยวข้องกับการ บริหารงานของบริษัท ขอให้ความมั่นใจกับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านว่า บริษัทยังดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล มุ่งมั่นที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ขอให้นักลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้ออกโดยบริษัทอย่างเป็นทางการ