ตร. เรียกสอบพยาน-คนใกล้ชิด “น้องเขย” ผู้ต้องหาในคดีฆ่าปลัดนก มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังยังให้การปฏิเสธ ด้านลูกชายปลัดนก เชื่อคนร้ายที่จับได้เป็นตัวจริง

จากเหตุคนร้ายฆ่าโหดนางวรกนก หรือ ปลัดนก เทพพิมล อายุ 57 ปี ตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายในบ้านพัก ซอยคลองสาม 8/4 ถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดธัญบุรี อนุมัติออกหมายจับ นายประทิน หรือ หนุ่ม เกตุลาพร อายุ 43 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นน้องเขยและเป็นพนักงานดับเพลิงของ อบต.คลองสาม ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนเข้าควบคุมตัว นายประทิน มาสอบสวน ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้นตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น 

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 พ.ย. 67 นายภูชิต เทพพิมล อายุ 26 ปี ลูกชายของปลัดนก พร้อมแฟนสาวได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในสิ่งที่ตำรวจสงสัย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกพยานและบุคคลใกล้ชิดกับ นายประทิน เกตุลาพร อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา ทั้งหมด 16 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติม และทางด้าน พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รองผกก.สส.สภ.คลองหลวง ได้นำตัวนายประทิน ผู้ต้องหา มาสอบปากเพิ่มเติม แต่ทางด้านผู้ต้องหาก็ยังให้การปฏิเสธ ทางพนักงานสอบสวนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงได้เดินออกมาจากห้องสอบสวน

โดยนายภูชิต เทพพิมล อายุ 26 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตนเองรู้สึกดีมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจที่ยังปิดคดีไม่ได้ ก็ยังไม่แน่ใจจริงๆ แต่ก็ได้แต่หวังว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้ ทางเราก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ โดยตนเองคิดว่าคนร้าย น่าจะมีมากกว่า 1 แต่ก็ยังไม่รู้นะ ตนเองก็ทำได้แต่รอตำรวจให้ความร่วมมือ

โดยวันนี้ทางตำรวจได้เรียกตนเองมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม แต่เรื่องประเด็นไหน หรืออย่างไรตนพูดไม่ได้ เพราะว่าคดียังไม่สิ้นสุด หลังจากที่ทางตำรวจจับตัวนายหนุ่มได้ ตนเองก็ไม่ได้พูดคุยกับทางน้าเก๋เลย แต่ก็มีเจอบ้าง แต่ก็พูดปกติไม่มีอะไร โดยน้าไปงานศพแค่วันแรกๆ ส่วนทางน้าเก๋เชื่อหรือไม่ว่าแฟนเขาไม่ได้ทำ ในเรื่องนี้ตนเองไม่ได้พูดกันเรื่องนี้ ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่กล้าไปบอกยาย เพราะว่ายายสะเทือนใจอยู่ แต่ก็มีความรู้สึกว่าคุณแม่มา แต่ไม่ได้เข้าฝัน ลักษณะเหมือนมาหาเพราะยังเป็นห่วงอยู่ อยากขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ ตนเองเชื่อมั่นว่าคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับเป็นตัวจริง เพราะตนเชื่อในตำรวจที่ทำงาน.