“พีระพันธุ์” นำทัพรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจประชาชนจากเหตุน้ำท่วมเชียงราย ด้านโฆษก ศปช. เตือน 6 อำเภอ เตรียมรับมือฝนตกหนัก ช่วง 2-9 ต.ค.นี้ เตรียมยกของขึ้นที่สูง ตั้งเป้าเคลียร์พื้นที่ต้องจบใน ต.ค.นี้

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะทำงาน และผู้แทนของหน่วยงานในสังกัดของแต่ละกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการหน่วยงานในกำกับดูแลและเยียวยาผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากเหตุอุทกภัยที่ จ.เชียงราย โดยออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงราย ล่วงหน้าแล้ว และจะร่วมลงพื้นที่พร้อมกับคณะ

สำหรับการลงพื้นที่ของ 4 รัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติครั้งนี้ มีการแบ่งภารกิจออกเป็น 2 คณะ โดยคณะของนายพีระพันธุ์ และ พล.อ.ณัฐพล มีกำหนดการตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ และให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ในพื้นที่บ้านห้วยหินลาดใน หมู่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ส่วนคณะของนายเอกนัฏ และนายสุชาติ มีกำหนดการตรวจเยี่ยม สำรวจความเสียหายของเส้นทางจราจร และมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยที่บ้านแม่ปูนล่าง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ทางด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) และ ศปช.ส่วนหน้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่รายงานว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของประเทศในช่วงวันที่ 1-3 ตุลาคม 2567 ประกอบกับการติดตามปริมาณฝนของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) พบว่า ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมงบางจุดของ จ.เชียงราย สูงถึง 195 มิลลิเมตร รวมทั้งจะมีบางส่วนตกในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำกกที่ไหลผ่าน จ.เชียงใหม่ และไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

จากปริมาณฝนดังกล่าว ทำให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้คาดการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำกกเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวลำน้ำรวม 147.14 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่ 6 อำเภอของ จ.เชียงราย ได้แก่

6 อำเภอริมแม่น้ำกก เตรียมยกของขึ้นที่สูง

  • อ.เมืองเชียงราย (ต.เวียง ต.แม่ข้าวต้ม ต.แม่ยาว ต.ดอยฮาง ต.ท่าสาย ต.นางแล ต.บ้านดู่ ต.รอบเวียง ต.ริมกก ต.สันทราย)
  • อ.เวียงชัย (ต.เวียงเหนือ ต.เวียงชัย)
  • อ.เวียงเชียงรุ้ง (ต.ดงมหาวัน ต.ทุ่งก่อ)
  • อ.แม่จัน (ต.ท่าข้าวเปลือก)
  • อ.ดอยหลวง (ต.โชคชัย ต.ปงน้อย ต.หนองป่าก่อ)
  • อ.เชียงแสน (ต.เวียง ต.โยนก ต.บ้านแซว)

ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างฟื้นฟูผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งก่อน บางจุดการระบายน้ำยังสามารถทำได้จำกัด อาจทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วในช่วงวันที่ 2-9 ตุลาคม 2567 โดยคาดว่าระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าตลิ่ง 1.18 เมตร ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้

“ขณะนี้ ศปภ. ได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบความมั่นคงของคันกั้นน้ำบริเวณจุดเสี่ยง รวมทั้งประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำกกให้ยกของขึ้นที่สูง เพื่อลดผลกระทบจากระดับน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด”

นายจิรายุ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ ศปภ.ส่วนหน้า ติดตามการแก้ปัญหาขยะตกค้างในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งเริ่มส่งกลิ่นรบกวนการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้พบว่า ในพื้นที่ อ.เชียงราย สามารถเพิ่มอัตราการขนขยะจากเดิมอยู่ที่ 1,000 ตัน/วัน เพิ่มเป็น 1,300 ตัน/วัน ส่วนในพื้นที่ อ.แม่สาย ปัจจุบันจัดการขนขยะยังทำได้จำกัดเนื่องจากถูกกลบทับด้วยโคลน จึงมีอัตราการขนขยะอยู่ที่ 100 ตัน/วัน ซึ่งคาดว่าหากเพิ่มอัตราการขนขยะได้เป็น 150 ตัน/วัน จะทำให้ทั้ง 2 พื้นที่ สามารถดำเนินการขนขยะได้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567

“ตอนนี้ในพื้นที่ประสานขอรับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเทศบาลนครเชียงราย ต้องการรถพ่วง 20 ตัน จำนวน 10 คัน ส่วนเทศบาลตำบลแม่สายต้องการรถแบ็คโฮ 4 คัน และรถตักตีนตะขาบอีก 4 คัน หากทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานได้มาตามจำนวนนี้ เราจะสามารถเคลียร์พื้นที่จบได้ตามเป้า สิ้นเดือนตุลาคม ชาวเชียงรายจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ”