เมื่อวานนี้ผมเขียนเกริ่นไว้ว่า วันนี้ (5 พ.ย.2567) เป็นวัน “ธรรมศาสตร์สามัคคี” เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันห้าวหาญของนักศึกษาธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2495 ในการรวมพลังเข้า “ยึดคืน” พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่ถูกอำนาจเผด็จการเข้า “ยึดครอง” ไประยะหนึ่ง…กลับมาเป็นสมบัติของชาวธรรมศาสตร์ได้สำเร็จอย่างสันติ โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ
จึงมีการจัดงาน “รำลึก” ถึงวีรกรรมดังกล่าวขึ้นทุกๆวันที่ 5 พฤศจิกายนของทุกๆปี รวมทั้งปีนี้ด้วย โดยการดำเนินงานของ “ชมรมเพื่อนโดม” ซึ่งมี ดร.สันติภาพ เตชะวณิช เป็นประธานและ “มูลนิธิเพื่อนโดม” ซึ่งมีคุณ ชัยวัฒน์ พสกภักดี เป็นประธาน
เผอิญผมต้องแบ่งเนื้อที่ไปเขียนถึงเหตุการณ์ร้อนๆที่ “แบงก์ชาติ” เพื่อแสดงจุดยืนของผมว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการ “ครอบงำ” แบงก์ชาติของรัฐบาลผ่านการคัดเลือกประธานคนใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งนี้
วันนี้ขอเขียนถึงกำหนดการ “วันธรรมศาสตร์สามัคคี 5 พ.ย. 2567” เพิ่มเติมอีกสักวันก็แล้วกัน
เริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 8 โมง 45 จะเป็นพิธีทางศาสนา ทำบุญใส่บาตรตามประเพณี จากนั้นจะเปิดรับลงทะเบียนเข้างาน
9 โมงเช้าตรง อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ประจำมหาวิทยาลัยที่รู้จักกันในนามของเพลง “ยูงทอง” จบแล้วชมวีดิทัศน์ว่าด้วยความเป็นมาของ “วันธรรมศาสตร์สามัคคี 5 พ.ย.”
09.20 น. ประธานมูลนิธิเพื่อนโดมมอบรางวัลจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ปี 2567 แก่นาย มานิจ สุขสมจิตร
09.40 น. นาย มานิจ สุขสมจิตร กล่าวปาฐกถา “มองสื่อมวลชนไทย : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” แล้วต่อด้วยปาฐกถา “เหลียวหลัง 90 ปี+แลหน้า อนาคตธรรมศาสตร์” โดยท่านอธิการบดีใหม่เอี่ยมถอดด้าม ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์
สุดท้ายจะเป็นพิธีมอบรางวัลเข็มเกียรติยศธรรมศาสตร์สามัคคี 2567 และสุดท้ายของสุดท้าย รับประทานอาหารร่วมกัน
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นที่ สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 กทม. นะครับ
สำหรับรางวัลสำคัญที่สุดของงานนี้ที่เรียกว่า “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” นั้น ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นปีที่ 4 เพื่อยกย่องศิษย์เก่า ที่มีคุณสมบัติเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมไทยใน 4 ประการได้แก่ 1.ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ต่อต้านเผด็จการ 3.ยึดมั่นความเป็นธรรมในสังคม และ 4.ทำประโยชน์ต่อสังคม
ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับถ้วยรางวัล และเงินรางวัล 100,000 บาท โดยที่ผ่านมามีศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ได้รับรางวัลไปแล้ว 3 ท่าน ได้แก่ 1.ศาสตราจารย์พิเศษมารุต บุนนาค 2.ศาสตราจารย์คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี และ 3.นายชวน หลีกภัย
สำหรับปีนี้ ได้แก่ นายมานิจ สุขสมจิตร ศิษย์เก่านิติศาสตร์ รุ่น 2501 นิติศาสตรบัณฑิต 2505 นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชนไทย “พี่ใหญ่” ของพวกเราชาว ไทยรัฐ และ “ครูนักข่าว” ของสื่อมวลชนทุกแขนงนั่นเอง
พี่มานิจเข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ พ.ศ.2502 เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ปีที่ 2 เริ่มที่หนังสือพิมพ์ กรุงเทพ รายวัน และ หลักเมืองรายวัน ในระยะสั้นๆ ก่อนจะมาปักหลักอยู่กับไทยรัฐจนถึงทุกวันนี้
พี่มานิจเป็นคนหนังสือพิมพ์ตัวอย่าง ยึดมั่นในคุณธรรมในจริยธรรมอย่างเคร่งครัด เป็นที่เคารพนับถือของสื่อมวลชนทุกสำนักมาตลอดเวลากว่า 65 ปี ที่พี่ก้าวเข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์
ขอแสดงความยินดี ขอแสดงความชื่นชมเนื่องในโอกาสที่พี่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจาก “ชมรมเพื่อนโดม” อีกครั้งหนึ่ง… และโดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่า พี่มิใช่เพียงผู้ที่สมควรได้รับรางวัลจิตวิญญาณธรรมศาสตร์เท่านั้น…แต่สมควรได้รับรางวัล “จิตวิญญาณ” คนหนังสือพิมพ์ด้วย ควบคู่กันไป.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ