วันที่ 31 ธันวาคม 2567 วันสุดท้ายของปีพุทธศักราช 2567 เวียนมาบรรจบแล้วในวันนี้ และอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พุทธศักราชใหม่ 2568 ก็จะคืบเคลื่อนเข้ามาแทน

ได้เวลาคอลัมน์ประจำปี “จากใจไทยรัฐ” ของพวกเราชาว “ไทยรัฐ กรุ๊ป” กลับมารับใช้ท่านผู้มีอุปการคุณทั้งติดตามอ่าน ติดตามดูชมและติดตามให้กำลังใจแก่พวกเราอีกครั้งหนึ่ง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

จำมิได้แล้วว่าเราเปิดคอลัมน์จากก้นบึ้งของหัวใจของพวกเรา “จากใจไทยรัฐ” ขึ้นมาครั้งแรกของฉบับส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ตั้งแต่ พ.ศ.ไหน?

แต่น่าจะไม่ตํ่ากว่า “3 ทศวรรษ” หรือ “30 ปี” เป็นอย่างน้อย ที่เรามานั่งปรับทุกข์ผูกมิตร เหลียวหลังแลหน้า จับเข่าคุยกันถึงสถานการณ์

ปีเก่าที่กำลังจะผ่านไป และคาดหวังว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในปีหน้าฟ้าใหม่ที่กำลังจะมาถึง?

ปรับทุกข์ย้อนหลังและตั้งความหวังไปข้างหน้าอย่างละเอียดยิบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ+การเมือง+สังคม และ ฯลฯ ในเกือบทุกแง่มุม

จากเนื้อที่เกือบเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ 1 หน้าในช่วงแรก เรื่อยมาจนเหลือครึ่งหน้าในช่วงกลางๆ และเหลือ 1 ใน 3 หน้าเมื่อปีที่แล้ว

เมื่อเรามีความจำเป็นต้องลดจำนวนหน้าของทั้งฉบับลงไปตามสถานการณ์ที่บีบบังคับ

สำหรับปีนี้แม้จะยังอยู่ที่ 1 ใน 3 ของหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แต่เนื้อหารายละเอียด ยังมีความจำเป็นต้องลดลงไปอีก

เพราะเราต้องพิมพ์ โดยใช้ตัวพิมพ์ที่ “ใหญ่ขึ้น” อีกเล็กน้อย เพื่อสนองต่อสายตาของท่าน

ผู้อ่านไทยรัฐทั่วประเทศที่มีอายุเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี

ก็ไม่เป็นไร

เนื้อที่เยอะเราก็เขียนเยอะ เนื้อที่น้อยเราก็เขียนน้อย ลูกผู้ชายยืดได้หดได้อยู่แล้ว ขอให้เนื้อหาสาระและแนวคิดยังหนักแน่นเหมือนเดิมก็แล้วกัน

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ในทาง เศรษฐกิจ นั้น นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าปี 2567 จีดีพีของเราจะขยายตัวร้อยละ 2.7 แม้จะยังตํ่าอยู่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าปี 2566 ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.9

เครื่องยนต์หลัก ได้แก่ การท่องเที่ยวที่ทะลุเป้า 39 ล้านคน ตามที่คาดไว้ และ การส่งออก ที่มาแรงตีตื้นขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของปี

น่าเสียดายที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนของเราหนักมาก สูงถึงร้อยละ 86 ของจีดีพี ซึ่งจะเป็นผลต่อเนื่องไปถึงการฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยมิให้โตมากนักในปีหน้า 2568 แต่ก็ยังเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะก้าวไปสู่ร้อยละ 3 ดีขึ้นกว่าปีนี้เล็กน้อย

ประเด็นที่น่าห่วงใย (มาก) ยังคงเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลว่าจะยังสามารถรวมพลังเป็นรัฐบาลผสมบริหารประเทศต่อไปได้หรือไม่? จากข่าวการขัดแย้งภายในที่พร้อมจะเดินไปสู่ความ “แตกหัก” ค่อนข้างสูงมาก ณ นาทีนี้

ที่สำคัญ เมื่อแลไปข้างหน้า 2568 ก็จะพบว่านอกจากเศรษฐกิจจะยังไม่ดี และการเมืองของเรายังคงมีปัญหา แล้วยังตามมาด้วยความสับสนของ “ภูมิรัฐศาสตร์” ในระดับโลกอีกด้วย

จากการ “เดินเกม” ของ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ โดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ที่พร้อมจะ “หักเหลี่ยม” และเปิดสงครามในเชิงการเมืองและการค้าอย่างไม่ละลด

ทำให้การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลไทย จะต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากกว่าปีที่กำลังจะผ่านไปอีกหลายเท่า

เมื่อสถานการณ์การเมืองระดับโลกมีปัญหา เคียงคู่ไปกับการเมืองในประเทศ ซึ่งชัดเจนว่ามีปัญหาแน่…การพัฒนาประเทศ…อันหมายถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และการปูพื้นฐานให้ประเทศเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต…ย่อมจะมีปัญหาตามมาแน่นอน

นักวิเคราะห์ไม่น้อยที่ฟันธงเอาไว้แล้วว่า ความยากลำบากและสารพันปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2567 จะเป็นเพียงแค่ “เผาหลอก” เท่านั้น ขอให้รอของจริง หรือ “เผาจริง” ที่จะเกิดในปี 2568 ที่จะมาถึง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ในปี 2567 นี้เองเราได้สูญเสียนักร้องเพลง “รักชาติ” ผู้ยิ่งใหญ่ ศิลปินแห่งชาติ สันติ ลุนเผ่ ไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง

แต่ก็ทำให้เราได้มีโอกาสฟังเพลงพระราช นิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีผู้นำมาเปิดไว้อาลัยแก่ สันติ ลุนเผ่ จนเกิดความรู้สึกที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้กับผองภัยทั้งหลายด้วยใจทะนงอีกครั้ง

เพลง “ความฝันอันสูงสุด” สอนให้เราสู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัญหาและอุปสรรค ไม่เฉพาะแต่อริราชศัตรูเท่านั้น

ทุกศึก ทุกเมื่อ ทุกความทุกข์ยาก หากเรายึดมั่นในบทเพลงนี้ก็จะสามารถสู้ได้ และเอาชนะได้

ดังเนื้อร้องท่อนหนึ่งที่ว่า…“ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว ขอ

ทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง”

ดังนั้น เมื่อมองไปข้างหน้า 2568 ทั้งในประเทศ ไทยและในโลกกว้าง ซึ่งคาดกันว่าจะมีผองภัยทั้งทางเศรษฐกิจ การค้า การเมือง การสังคม ทั้งภายใน ประเทศและนอกประเทศเกิดขึ้นมากมาย

แต่เราคนไทยก็จะฝ่าฟันไปได้ด้วย “ใจทะนง”…นี่คือความเชื่อของพวกเราชาวไทยรัฐ สำหรับปีที่จะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

เราไม่เชื่อในวลีที่ว่าปีนี้เผาหลอก ปีหน้า เผาจริง เพราะคนไทยจะไม่มีวันยอมให้ประเทศไทย ต้องล้มลงไปต่อหน้าต่อตา จนต้องมาเผาหลอก เผาจริงอย่างแน่นอน

เราเชื่อในหัวใจที่สู้ไม่มีวันถอยของคนไทย

มาโดยตลอด และจะเชื่อไปจนชั่วชีวิตนี้

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ขอย้อนกลับไปสู่งานเฉลิมฉลอง 75 ปีไทยรัฐ กรุ๊ป เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมาอีกครั้ง

ในนามของ ไทยรัฐ กรุ๊ป พวกเราขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีและท่านผู้อ่านที่เคารพ

ทุกท่านที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง

หากการต้อนรับขาดตกบกพร่องประการใด เรากราบขออภัยย้อนหลังไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง

เราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะจดจำจะจารึกธารนํ้าใจทุกหยดที่ทุกท่านส่งมอบให้แก่ มูลนิธิไทยรัฐ เพื่อร่วมในการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนชนบท 22,866 คน ในสังกัด โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 แห่งทั่วประเทศ

ตามปณิธานของท่าน ผอ.กำพล วัชรพล ผู้ให้กำเนิด หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่เจริญงอกงามมาเป็น ไทยรัฐ กรุ๊ป มีทั้ง ออนไลน์ และ โทรทัศน์ ช่อง 32 ฯลฯ ในปัจจุบันนี้

ท่านผู้อ่านที่เคารพ

ขอเรียนผู้อ่านอีกครั้งว่า เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน 75 ปีเต็มๆแล้ว และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 76

เราขอยํ้าว่าจะเดินไปข้างหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านผู้อ่าน ท่านผู้ชม และท่านผู้ติดตามของทุกสื่อในเครือไทยรัฐ  ด้วย “ใจทะนง”  เช่นเดียวกัน

ท่านไม่ท้อเราก็จะไม่ท้อ ท่านสู้เราก็พร้อมที่จะสู้เคียงข้างไปกับท่านจนกว่าความฝันอันสูงสุดในทุกๆด้าน โดยเฉพาะ “เศรษฐกิจ-การเมือง และสังคม” จะกลายเป็นความจริง

สวัสดีปีใหม่ 2568