
ชายอ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ ยศ ร.ต.ท. ตีสนิทเจ้าของร้านสัก ก่อนจะขโมยสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทและพระเลี่ยมทอง สูญกว่า 3 แสน เหตุเพราะไว้ใจ หลังอ้างป่วยซึมเศร้าเมียทิ้ง เลยช่วยให้ที่พักหลับนอน ยอมรับเชื่อสนิทใจ ขนาดไปเที่ยวด้วยกัน ยังมีตำรวจในพื้นที่เดินมากอดไหล่แล้วเหมือนมายืนคุ้มกัน
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อว่า อมตะซิตี้วันนี้ ได้โพสต์ข้อความว่า “แจ้งข่าว มีผู้ต้องสงสัย ชายร่างใหญ่อ้างคนพื้นที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ ขอเข้าห้องน้ำในร้านแล้วรื้อค้นทรัพย์สิน หายตัวไปพร้อมกับ มูลค่า 28+,++++-สร้อยทอง 2 บาท+ไตรมาส-พ่อรวย 59-สร้อยทอง 1 บาท-สิวลีพ่อกวย-มทบพ่อเกษม-7 หางกระรอกพ่อแดง-พ่อแดงรุ่น 3-ยอดธงพ่อคูณปี 36-เหรียญแม่ครัวพ่อแดง ใครรับซื้อหรือพบเห็น ขอความกรุณาแจ้งเบาะแสให้หน่อยนะคะ ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี พบเบาะแสติดต่อ ช่างปุ๊ 0992286165” พร้อมกับรูปภาพของชายลักษณะหัวเกรียนบุคลิกดีสวมเสื้อสีขาวใส่สร้อยที่ขโมยไปที่คอและมีรูปของพระและสร้อยคอที่ถูกขโมยไป”
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 23.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านสักลายดังกล่าว หมู่ 2 ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ได้พบกับนายพรชัย หาญชัยภูมิ อายุ 29 ปี เจ้าของร้านสัก ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูยังที่นอนที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับชายคนดังกล่าวที่อ้างตัวเป็นตำรวจสังกัดกองปราบปราม ยศร้อยตำรวจโท โดยมีหมวกแก๊ปสีดำที่ผู้ก่อเหตุทิ้งไว้ดูต่างหน้า และไปดูที่บริเวณลิ้นชักที่เก็บพระ ซึ่งเหลือเพียงล็อกเก็ตพระอันเดียวที่ยังเหลืออยู่
จากการสอบถามนายสุพรชัย เจ้าของร้านสักลาย เล่าว่า ตนเจอกับนายรัฐธรรมนูญ อินสม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ร้านตัดผมของเพื่อน ตนได้ไปชวนเพื่อนออกไปกินข้าวแล้วได้พบกับนายรัฐธรรมนูญ นั่งอยู่แล้วได้พูดคุยกัน ซึ่งนายรัฐธรรมนูญ ได้อ้างว่าตนเป็นตำรวจ มาจากกองปราบ ยศผู้หมวด ได้มาเที่ยวพักผ่อนเพราะเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากเลิกกับแฟน ตนจึงได้ถามว่า พักอยู่ที่ไหน นายรัฐธรรมนูญตอบว่า พักอยู่ที่หอที่ตนเปิดร้าน พอตกเย็นมานายรัฐธรรมนูญ จึงชวนตนและเพื่อนไปดื่มที่ร้าน พอเช้ามาตนก็ได้พูดคุยกันนับกันเป็นเพื่อน เพราะอายุใกล้เคียงกัน ตนจึงคิดว่าคนเป็นโรคซึมเศร้า ต้องมีคนพูดคุย จึงได้ชวนมานอนพักที่ร้าน
ต่อมาวันที่ 13 ตุลาคม ตนได้ออกไปกินหมูกระทะกัน พอกลับมาประมาณเที่ยงคืน ตนได้ถอดสร้อยทองออก เก็บไว้ในลิ้นชักห้องนอน พอวันที่ 14 ช่วงบ่ายนายรัฐธรรมนูญขอเข้าห้องน้ำ ตนจึงให้เข้าตามปกติเพราะติดงานสักให้ลูกค้าอยู่ พอช่วงเย็นวันที่ 14 นายรัฐธรรมนูญ มาถามตนว่า เพื่อนเล่นพระด้วยหรอ ตนบอกว่าเล่น จึงได้นำพระมาให้เขาดู พร้อมกับถามราคาพระ พอช่วงกลางคืน นายรัฐธรรมนูญ ได้บอกกับตนว่า จะไปทำธุระที่กรุงเทพฯ แล้วจะกลับมาใหม่ นายรัฐธรรมนูญได้ทิ้งหมวกไว้ให้ใบนึง ตนจึงให้เพื่อนอีกคนขับรถไปส่งที่ท่ารถ

พอตอนเช้าตนก็ทักหาอีกว่า “เพื่อนจะกลับมาไหม ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว” เขาก็ไม่ตอบอะไร จนเพื่อนคนที่ไปส่งได้บอกว่า เมื่อคืนตอนไปส่งนายรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าใส่ทอง ลายเดียวกับของตน หลังจากนั้นตนจึงไปดูที่ลิ้นชัก ปรากฏว่าหายไป เป็นทอง 1 บาท 1 เส้น 2 บาท 1 เส้นพร้อมพระเลี่ยมทอง หลังจากนั้น ตนจึงได้มาเปิดถุงพระดู ปรากฏว่าหายเช่นกัน ความเสียหายประมาณ 3 แสนบาท
ที่ตนเองนั้นเชื่อว่าเป็นตำรวจ เพราะทรงการแต่งตัว ทรงผม เหมือนกับตำรวจมาก จนทำให้เชื่อ ขนาดอยู่ด้วยกันนั้น บางทียังมีโทรศัพท์เข้า เขายังเปิดลำโพงให้ฟัง ปลายสายยังเรียก “ผู้หมวด” บางทีก็บอกว่า “สารวัตร” โทรมาบ้าง เขาจะอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ขนาดไปเที่ยวกันยังมีตำรวจในพื้นที่เดินมากอดไหล่แล้วเหมือนมายืนคุ้มกันเลย จนทำให้ตนหลงเชื่อ ซึ่งปกติแล้วที่ร้านจะมีคนเข้าออกประจำ แต่ของไม่เคยหายเลย จนมีนายรัฐธรรมนูญมา ตนอยากจะฝากถึงคนอื่นให้ระวังเพราะมิจฉาชีพมาได้หลายรูปแบบมาก” นายสุพรชัย ผู้เสียหาย กล่าว
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ