นายกฯแพทองธาร ชินวัตร โหมตีปี๊บนโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา ที่ทำมาตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ พร้อมต่อยอดเพิ่มโครงการ Summer Camp ส่งนักเรียนไปเรียนคอร์สฤดูร้อนที่ต่างประเทศ ถือเป็นโครงการที่สร้างแรงบันดาลใจ เป็นรางวัลให้แก่เด็กเรียนเก่งที่ด้อยโอกาส แต่นโยบายนี้ของพรรคเพื่อไทยยังไม่อาจแก้จุดอ่อนระบบการศึกษาได้อย่างครอบคลุมและตรงจุด
ปัญหาหลักของระบบการศึกษาไทยประกอบด้วย 1.ความเหลื่อมล้ำ 2.ขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็ก ครูหนึ่งคนต้องสอนหลายวิชา ทั้งที่ไม่ใช่วิชาถนัด 3.หลักสูตรเน้นท่องจำมากกว่าวิเคราะห์ 4.หลักสูตรไม่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน 5.องค์ความรู้ที่มีไม่ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก 6.เด็กจบไม่ตรงสายงาน 7.ค่าใช้จ่ายการศึกษาก่อให้เกิดหนี้สินแก่ผู้ปกครอง
หลายพรรคการเมืองพยายามหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ ต้องการปฏิรูประบบการศึกษา มีการเสนอร่างกฎหมายเข้าสภาฯ ซึ่งค้างวาระพิจารณาอยู่หลายฉบับ ร่างที่ผมเห็นว่าเข้าท่าและทันต่อสภาพสังคมปัจจุบันที่สุดคือ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาเท่าเทียม ของพรรคภูมิใจไทย ที่เพิ่งยื่นเข้าสภาฯ เมื่อตอนเปิดสมัยประชุม สาระสำคัญกำหนดให้มี 3 แพลตฟอร์มการเรียนรู้ ปูทางสู่อาชีพการงาน ประกอบด้วย แพลตฟอร์มเรียนรู้ออนไลน์ แพลตฟอร์มธนาคารหน่วยกิตกลาง และ แพลตฟอร์ม Portfolio
ยุคนี้การแข่งขันทางการศึกษาสูงมาก เฉลี่ยค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานไปเรียนกวดวิชาอยู่ที่เดือนละหมื่นกว่าบาท ขนาดครอบครัวชนชั้นกลางยังร้องจ๊าก แล้วเด็กครอบครัวยากจนด้อยโอกาสจะเอาอะไรมาสู้ พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอกฎหมายให้มีการสร้าง แพลตฟอร์มการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จะบรรจุทั้งวิชาตามหลักสูตร และวิชาพิเศษ ช่วยเสริมเติมให้การศึกษาระบบเดิมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้ฟรี เรียนได้ทุกที่ และทุกเวลา
แพลตฟอร์มนี้เปรียบเสมือนห้องเรียนที่เต็มไปด้วยครูผู้สอนเก่งๆ มีคุณภาพ เด็กที่อยู่ห่างไกลจะได้เรียนกับครูคุณภาพเดียวกับโรงเรียนชั้นนำ รวมถึงติวเตอร์จากสถาบันกวดวิชาชื่อดัง ชอบสไตล์การสอนแบบไหนก็กดเข้าไปเรียนกับครูคนนั้น เปิดโอกาสให้เด็กพัฒนาความรู้ได้อย่างเท่าเทียม ขณะที่ผู้ปกครองก็ลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากโข
ส่วน แพลตฟอร์มธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เป็นที่เก็บรวบรวมหน่วยกิตต่างๆที่แต่ละคนร่ำเรียนมา โดยเฉพาะคนที่ลงทะเบียนเรียนแบบรายวิชา เมื่อสะสมครบหน่วยสามารถเปลี่ยนเป็นวุฒิการศึกษา หรือใช้สมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ คนที่มีฝีมือ มีประสบการณ์ แต่อายุเกินกว่าไปนั่งเรียน ก็จะมีโอกาสเก็บหน่วยกิตไว้ต่อยอดอาชีพและการศึกษาได้
หลักคิดของพรรคภูมิใจไทยคือ ปลายทางของการศึกษาไม่ใช่เรื่องของวุฒิบัตร หรือปริญญาอย่างเดียวอีกต่อไป แต่อยากเห็นการศึกษาที่พร้อมมากพอจะสร้างบุคลากรออกมาตอบโจทย์ความต้องการของภาคเอกชนในอนาคต
สำหรับ แพลตฟอร์ม Portfolio จะเป็นเหมือน ดาต้าเซ็นเตอร์ เก็บข้อมูลตั้งแต่เข้าสู่ระบบการศึกษาชั้นประถม มัธยม หรือเข้าแคมป์ฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆที่ผ่านการรับรองมาตรฐานกลาง จะถูกรวบรวมเข้าดาต้าเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เหมือน ครูแนะแนวออนไลน์ มีเอไอแนะนำเส้นทางให้นักเรียนนักศึกษาแต่ละคน นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว ยังมีการแนะนำคอร์สเรียนเสริม หรือฝึกทักษะเพิ่มเติมให้ตรงกับสายอาชีพ สิ่งที่สะสมมานี้จะเป็น Resume หรือ ประวัติส่วนตัวที่ใช้ยื่นสมัครงาน หรือพัฒนาเลื่อนตำแหน่งงาน ซึ่งไม่ใช่แค่วุฒิการศึกษาอย่างเดียว ยังมีเรื่องของการเพิ่มทักษะเข้ามาเสริมด้วย หรือบริษัทนายจ้างต้องการรับพนักงานคุณลักษณะไหน สามารถหาจากแพลตฟอร์มนี้ได้
ผมเชื่อว่านักเรียนทั่วประเทศกำลังเฝ้ารอแพลตฟอร์มการเรียนรู้เหล่านี้ ก็ขอฝาก สส.และ สว.เร่งพิจารณากฎหมายออกมาเติมเต็มระบบการศึกษา เปิดช่องทางการเรียนรู้ให้แก่อนาคตของ ชาติด้วยครับ.
ลมกรด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ