“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ปราศรัยเวทีย่อยก่อนไปถนนคนเดิน ชวนชาวอุดรฯ ไปเลือกตั้งนายก อบจ. ขอโทษไม่ได้ไปจุดลอยกระทง เพราะเป็นงานรื่นเริง หวั่นทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยันไม่มีเจตนายกเลิก ม.112 เหน็บประชาธิปไตยที่จับมือกับพรรคทหาร คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ลานข้างโบสถ์วัดป่าหลวงวการาม ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี มีการจัดเวทีปราศรัยย่อยพรรคประชาชน ช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งชิงนายก อบจ.อุดรธานี ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง นายคณิศร ขุริรัง หรือทนายแห้ว เบอร์ 1 ลงชิงชัยกับ นายศราวุธ เพชรพนมพร อดีต สส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะแชมป์เก่า ซึ่งการปราศรัยครั้งนี้ มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ได้บินตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาที่ จ.อุดรธานี

โดยมีคนมาร่วมรับฟังปราศรัยของนายพิธา ทั้งคนสูงวัยและคนรุ่นใหม่ ที่เป็นแฟนคลับตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทันทีที่นายพิธา เดินทางมาถึงได้ยกมือไหว้ทักทายแฟนคลับ ด้วยรอยยิ้มและอ่อนน้อมถ่อมตน แฟนคลับได้ขอเซลฟี่ คล้องมาลัย และผูกผ้าขาวม้าตามประเพณีของคนอีสาน ก่อนนายพิธา จะปราศรัยชูนโยบาย เชิญชวนไปเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย. นี้ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นได้เดินทางไปช่วยหาเสียงที่ถนนคนเดิน หน้าสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี และหน้าศาลากลางอุดรธานี เชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้ง และไปฟังปราศรัยเวทีใหญ่ช่วงค่ำในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ย. 67)

นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันแรกโหมโรง แต่ก็อบอุ่นได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวอุดรธานีเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ก็ไปที่ ต.นาข่า อ.เมือง เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีตลาดผ้าพื้นเมือง ก็ได้เจอกับพี่น้องประชาชน ให้ได้หายคิดถึง วันนี้วันลอยกระทง แต่ก็กังวลว่าเป็นงานรื่นเริง มีเสียงเพลงมาเกี่ยวข้อง ทำให้ผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ ทำให้วันนี้ต้องเปลี่ยนกำหนดการเล็กน้อย มาที่ถนนคนเดิน (หน้าศาลากลาง) แทน พี่น้องที่รอบริเวณจุดลอยกระทงอยู่ ก็ต้องกราบขออภัยมาด้วย ยืนยันว่าคิดถึงพี่น้องชาวอุดรฯเหมือนเดิม เพราะว่าเมื่อมีประเพณีไทยเมื่อไหร่ อย่างเช่นสงกรานต์ก็อยู่ที่อุดรธานี ขอบคุณอีกครั้งกับการต้อนรับ ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นโพลที่อุดรธานีหรือยัง การปราศรัยของพรรคคู่แข่งบอกเป็นโพลเถื่อน ได้รับคำตอบว่า เห็นคร่าวๆเห็นว่าเป็นอาจารย์ หรือเป็น มรภ.อุดรธานี แต่ตนเองไม่ได้สนใจเรื่องผลของโพลนั้นมากเท่าไหร่ เห็นบอกว่าอีก 50 % ของชาวอุดรธานียังไม่ตัดสินใจ หรือยังไม่รู้ว่าจะเลือกใคร คิดว่าจะใช้เวลาตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 24 พ.ย.นี้ ในการซื้อใจพี่น้องชาวอุดรธานีมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะอีก 50 % ยังไม่ตัดสินใจก็เสนอคุณคณิศร เบอร์ 1 จากพรรคประชาชน ซึ่งมีนโยบายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น รพ.สต.ก้าวหน้า, รถเมล์ไฟฟ้าภายในพื้นที่, การตั้งกองเศรษฐกิจของ อบจ. ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่

“งบ อบจ.อุดรธานี ปีละ 1,200 ล้านบาท มีการคิดแผนจัดงบประมาณออกมาใหม่ ว่าจะเอางบประมาณไปทำอะไร เพื่อแก้ไขปัญหาการสาธารณสุข การขนส่ง เศรษฐกิจ เรามีแผนงานเรียบร้อย เราจะเหลือเวลาอยู่ในการสื่อสาร 15-16-17 พ.ย.นี้ ในการแถลงนโยบาย เชิญชวนทุกท่านมาใช้สิทธิกันเยอะ วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หากวางแผนล่วงหน้า ก็จะไม่รบกวนการค้าการขาย ของพี่น้องประชาชนมากเกินไป ก็หวังว่าจะไปใช้สิทธิกันเยอะๆ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการปราศรัยอีกพรรคเมื่อวาน ได้พาดพิงไปถึงผู้สมัครพรรคประชาชน นายพิธา ตอบว่า ฟังอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นสาระอะไรมาก ก็จะเน้นเองประโยชน์ของชาวอุดรฯ เป็นที่ตั้ง ว่ามีปัญหาอย่างไร จะแก้ไขปัญหาอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าต้องบินมาจากอเมริกาเพราะกลัวแพ้ อย่างที่บอกไปครับว่า นักการเมือง นักเลือกตั้ง ไม่มีกลัวแพ้ เพราะแพ้มาเยอะ ชนะมาก็แยะ อย่างอุดรฯ เขต 1 สส.เคน (ณัฐพงศ์ พิพัฒน์ไชยศิริ) ปี 62 แพ้ ปี 66 ก็มาชนะ ซึ่งเป็นผู้สมัคร อบจ.อุดรธานี ครั้งนี้ ซึ่งการเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ก็อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะมีปัจจัยหลายเรื่องที่ต่างจากการเลือกตั้งปี 66 ซึ่งมีเลือกตั้งล่วงหน้าใน-นอกเขต และต่างประเทศ อุดรฯสำคัญมากเพราะชาวอุดรธานีไปทำงานต่างประเทศมาก

“การแพ้ไม่ใช่ปัญหาของพรรคประชาชน มีแต่ชนะแล้วพัฒนา ส.ส.ปี 62 ได้มาแสนสี่, อบจ.ปี 63 ได้มาแสนแปด และ ส.ส. ปี 66 ได้มาสองแสนสอง เมื่อเราแข่งกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพรรคชื่ออะไร หัวหน้าพรรคคนไหน ก็จะได้เห็นว่าเรามีคะแนนที่เติบโตขึ้น คราวนี้ก็หวังว่าถ้าประชาชนมาใช้สิทธิกันเยอะๆ คะแนนก็จะพัฒนาตัวเองได้ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะแพ้หรือชนะก็ตาม อย่างที่บอกว่า ป๊อบ ศราวุธ พรรคเพื่อไทย เคยมีทั้งชนะและแพ้ นักเลือกตั้งจึงไม่กลัวแพ้ เพราะชนะก็กลับมาแพ้ แพ้ก็กลับมาชนะ แต่มีเฉพาะเผด็จการเท่านั้นที่กลับแพ้เลือกตั้ง จึงไม่ลงเลือกตั้ง แล้วใช้วิธีรัฐประหารเท่านั้น”

เมื่อถามถึงเรื่อง ม.112 นายพิธากล่าวว่า ก่อนการเลือกตั้งมีนโยบายหลากหลาย เมื่อมีการดีเบตกันพิธีกรก็จะถามเรื่องนี้ ว่าคิดอย่างไรกับ ม.112 ก็ถามกลับไปว่าให้ประชาชนกลับไปดูว่า แต่ละพรรคพูดอะไรกันไปบ้าง ถึงวันนี้แม้พรรคเราจะถูกยุบไปแล้ว เราไม่มีเจตนาจะยกเลิก หรือว่าสิ่งที่จะทำให้หลายคนเข้าใจผิด ว่าเราต้องการจะปฏิรูปประเทศ ด้วยการสาดโคลนมาไม่ว่าจะเป็นใคร ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง

“มั่นใจในการเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ครั้งนี้ เรียกไม่ได้ว่าเป็นถิ่นของคนเสื้อแดง แต่เป็นพื้นที่ของคนรักประชาธิปไตย จากการเลือกตั้งล่าสุด ปี 66 พรรคเพื่อไทยได้ 3.5 แสนคะแนน, ก้าวไกลได้ 2.5 แสนคะแนน พรรคไทยสร้างไทยได้แสนกว่าคะแนน จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 พรรคเป็นพรรคของประชาธิปไตย และยังมีความหลากหลาย 3 พรรครวมกันเท่ากับ 80% ของพี่น้องชาวอุดรธานี แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นประชาธิปไตยสีเดียว รวมทั้งประชาธิปไตยจับมือกับพรรคทหาร คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง น่าจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์กับการลงคะแนนของชาวอุดรธานีสักเท่าไหร่ ฉะนั้นอุดรธานีคือเมืองหลวงประชาธิปไตยแน่นอน”