ระทึกกลางเมืองพัทยา ตำรวจล้อมจับหนุ่มหัวร้อน ควงปืนข่มขู่วิน จยย. รับจ้าง เกลี้ยกล่อมนานร่วม 4 ชั่วโมง มีการขอเบียร์จิบย้อมใจ สุดท้ายเจรจาไม่สำเร็จ ลั่นไกระเบิดสมองตัวเอง เผยผู้ก่อเหตุเครียดมีหมายจับคดีพยายามฆ่า ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 57

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 28 กันยายน 2567 พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.เมืองพัทยา นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนกว่า 20 นาย เข้าทำการปิดล้อม ลานจอดรถย่านสถานบันเทิง ลานเอ็กซ์ไซต์ ถนนพัทยากลางสายสาม หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์ ทะเบียน 8กฎ6242 กทม. ซึ่งเป็นรถเก๋งต้องสงสัย ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังจะแสดงตัวเข้าตรวจค้น คนขับรถเก๋ง ซึ่งเป็นชายไทย ได้เปิดประตูแล้ววิ่งหนีเข้าไปในลานจอดรถ ตำรวจจึงกระจายกำลังปิดล้อม นานเกือบ 1 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบตัว

สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.47 น. ของเช้าวันที่ 28 กันยายน นายปฏิพล ประไพรัตน์ หรือโฟล์ค อายุ 20 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ประจำวินหน้าลานเอ็กซ์ไซต์ ได้ถูกชายไทย อายุประมาณ 30-35 ปี ขับรถเก๋ง สีบรอนซ์ มาจอดใกล้กับวิน นายปฏิพล วิน จยย.รับจ้าง เข้าใจว่าเป็นนักท่องเที่ยวจะสอบถามทาง จะเดินเข้าข้างรถ แต่ปรากฏว่าชายคนขับได้ลดกระจกลง แล้วพูดตะโกนสวนกลับมาว่า “มึงมีปัญหาอะไรกับกู ข้องใจหรือเปล่า” พร้อมกับชักอาวุธปืนสั้นออกมาข่มขู่ ทำให้นายปฏิพลเห็นท่าไม่ดี จึงเดินหนี แต่ชายดังกล่าวได้เปิดประตูรถแล้วเดินตามมาเอาเรื่องอีก พร้อมกับถืออาวุธปืนมาด้วย จากนั้นมีผู้หญิงที่นั่งมาในรถได้เปิดประตูลงมาห้าม ก่อนชายดังกล่าวจะเดินกลับขึ้นรถแล้วขับรถหลบหนีไป

ซึ่งนายปฏิพลยังเล่าต่ออีกว่า ชายที่ถืออาวุธปืนมาข่มขู่น่าจะทะเลาะกับแฟนสาวที่นั่งมาในรถ แล้วพาลหาเรื่องคนอื่น ส่วนตนเองหลังจากเกิดเรื่องจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา โดยกล้องวงจรปิดใกล้กับจุดเกิดเหตุ สามารถจับภาพนาทีเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งช่วงค่ำในวันนี้ ตนเองเห็นรถคันที่ก่อเหตุกลับมาอีกครั้ง จึงเดินเข้าไปเพื่อพูดคุยและจะเคลียร์ปัญหา แต่ปรากฏว่าชายดังกล่าวได้ชักอาวุธปืนออกมาขู่อีกครั้ง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาทำการตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 21.00 น. ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย เข้าตรึงกำลังปิดล้อมบริเวณจุดที่มีการพบรถเก๋งคันดังกล่าว จนพบคนขับ ทราบชื่อว่า นายนิรุตติ์ แย้มพวง อายุ 39 ปี พนักงานเสิร์ฟของสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง กำลังนั่งอยู่ในมุมมืด ในมือถืออาวุธปืนไขว้ไว้ที่ด้านหลังตลอดเวลา ตำรวจเกรงว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวในย่านดังกล่าวจะไม่ปลอดภัย จึงมีการกันพื้นที่ในรัศมี 200 เมตร และห้ามผู้ใดเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว พร้อมกับประสานชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ชลบุรี (นปพ.ภ.จว.ชลบุรี) เข้าร่วมตรึงกำลังในเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

เวลา 21.15 น. พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.เมืองพัทยา เริ่มแผนเจรจาในเบื้องต้น โดยมีการโทรศัพท์พูดคุยผ่านข้อความเฟซบุ๊กของนายนิรุตติ์ แย้มพวง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างจริง แต่ในเรื่องนี้ไม่ได้เครียด แต่ที่เครียดเพราะว่าตัวเองมีหมายจับคดีพยายามฆ่า ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เมื่อปี 57 และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้ามาใกล้ เพราะจะยิงตัวตายเพื่อหนีปัญหา

นอกจากนี้ นายนิรุตติ์ แย้มพวง มีการขอเบียร์ 1 ขวด เพื่อดื่มย้อมใจ และมีการโพสต์ข้อความสั่งเสียลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ผมรักทุกคนนะครับ ผมสร้างมันขึ้นมาเอง ผมก็ต้องจบด้วยตัวเอง ไม่เอาใครมาเดือดร้อน นี่จะเป็นโพสต์สุดท้ายในชีวิตผม ไม่ต้องโทรมากันนะครับ แบตจะหมด ผมจะไว้คุยกับแม่ รักทุกคนเด้อ”

ต่อมาเวลา 22.25 น. พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ตัดสินใจเดินเข้าไปเจรจากับนายนิรุตติ์ แย้มพวง โดยมีการเดินเข้าไปใกล้ตัวนายนิรุตติ์ ในระยะไม่ถึง 5 เมตร นายนิรุตติ์ได้มีการกระดกเบียร์ และในมือถืออาวุธปืนไว้ตลอด โดยท่านผู้กำกับมีการเจรจาและพยายามพูดคุยให้นายนิรุตติ์รู้สึกผ่อนคลาย โดยมีการพูดคุยนานถึง 20 นาที จนนายนิรุตติ์เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง และในระหว่างที่ท่านผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา กำลังเดินหันหลังกลับมาเพื่อพูดคุยกับทีมงาน ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อนายนิรุตติ์ แย้มพวง ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง 1 นัด จนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ทีมตำรวจจึงรีบเข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล และกู้ภัย เข้าทำการช่วยเหลือ โดยพบว่ากระสุนปืนยิงเข้าขมับขวา กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ก่อนจะถูกนำตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา

ส่วนการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม พบว่าอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นอาวุธปืนแบลงค์กัน ดัดแปลงเป็นอาวุธปืนจริงขนาด .32 เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่ นายวันชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี รุ่นพี่ที่ร่วมงานกับผู้ก่อเหตุได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายใครทั้งสิ้น เพียงแต่กลัวที่จะถูกจับดำเนินคดีเนื่องจากตนเองนั้นมีหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าโดยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ประกอบกับทางร้านจะไล่ออก หลังจากมีปัญหากับกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นวัยรุ่นเจ้าถิ่น แต่เกิดเคลียร์กันไม่ลงตัว จึงเกิดความเครียดรุมเร้า จึงพยายามจะก่อเหตุดังกล่าว