พลุบึมสยองงานบุญกฐินตายเกลื่อน 4 ศพ บาดเจ็บระนาว 7 คน เป็นกลุ่มชาวบ้านที่เจ้าภาพว่าจ้างทำพลุไปจุดฉลองเปิดมหรสพงานกฐินที่วัดในหมู่บ้าน เจ้าของพลุเป็นพ่อเฒ่าวัย 75 ปีพาผู้ช่วยไปเตรียมจุดลูกที่ 2 จากทั้งหมด 12 ลูก อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 2 กม. ขณะใช้ค้อนตอกปิดหัวพลุไปโดนตะปูเกิดประกายไฟ คนอื่นพยายามห้ามแล้วแต่เจ้าตัวหูตึงไม่ได้ยิน ยังตอกต่อไปจนเกิดระเบิดตูมสนั่นฉีกร่างแขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง เจ้าของพลุกับผู้ช่วยตายคาที่ 2 ศพ ส่วนคนอื่นไปตายที่โรงพยาบาลอีก 2 ศพ ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งล้อมคอกทุกพื้นที่งดจุดพลุ พร้อมเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยช่วงงานบุญกฐิน ป้องกันเหตุสลดซ้ำรอย

เหตุสยองขวัญในงานบุญกฐินเกิดพลุระเบิดคร่าชีวิตชาวบ้านตายเจ็บเกลื่อนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ร.ต.อ.บัญชา นาชัยฤทธิ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุพลุระเบิด ที่บ้านเก่าน้อย หมู่ 3 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รายงานให้ พ.ต.อ.ธีรวุฒิ วงศาอ้วน ผกก. พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล รอง ผกก.สอบสวน นำกำลังตำรวจ ประสานฝ่ายปกครอง แพทย์เวร รพ.กมลาไสย และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยไปให้ความช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุบริเวณถนนรอบหนองน้ำปราการ อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กม. พบเศษชิ้นส่วนพลุ ที่ระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ มีรถ จยย.พ่วงข้างถูกแรงระเบิดพังเสียหายจอดอยู่ 1 คัน ข้าวของเครื่องใช้ รองเท้า เสื้อผ้า กระจัดกระจาย พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ถูกแรงระเบิดของพลุจนร่างกระเด็นไปคนละทิศ ละทาง ชิ้นส่วนอวัยวะและเศษเนื้อกระจัดกระจายเป็นที่น่าสยดสยอง ทราบชื่อคือ นายสถิต ศรีพงษ์ยิ่ง อายุ 75 ปี เจ้าของพลุ สภาพศพแขนขาขาด และนายเอกสิทธิ์ ศรีหา อายุ 34 ปี ข้อมือข้อเท้าห้อยรุ่งริ่ง ใบหน้าและลำตัวมีแผลฉกรรจ์

นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 9 คน ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.กมลาไสย และ รพ.จังหาร เสียชีวิต ในเวลาต่อมาอีก 2 ศพ คือ นายบุญช่วย คำมูลนาม อายุ 65 ปี และนายสายัณห์ พัฒนสาร อายุ 43 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 7 คน ประกอบด้วย นายประยูร มาตรมนตรี อายุ 65 ปี นายประสาน วันชูเสริม อายุ 63 ปี นายชาญชัย จิตรราช อายุ 43 ปี นายเทิดศักดิ์ ฤทธิ์มนตรี อายุ 43 ปี ด.ต.พิชิตชัย ศรีวิจารย์ อายุ 50 ปี นายประภาส อรุณรัตน์ อายุ 52 ปี และ นายจักราวุฒิ ครองแสนเมือง อายุ 36 ปี บางคนยังนอนรักษาตัวอยู่ รพ.กมลาไสย บางคนถูกนำส่งต่อ รพ.กาฬสินธุ์

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายและ คนเจ็บพากันนำพลุที่ประกอบขึ้นเอง ทำจากลำไม้ไผ่ ขนาดความสูง 170 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว มาเตรียมจุดในงานฉลองบุญกฐินของหมู่บ้าน ขณะนั้น กำลังจะมีการแสดงมหรสพที่วัดบ้านเก่าน้อยโนนรัง ห่างจากที่จุดพลุประมาณ 2 กม. แต่ระหว่างจัดเตรียม พลุเกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องประสานเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานต่างๆในที่เกิดเหตุ และจะได้เชิญตัวชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์และกลุ่มผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายเทิดศักดิ์ ฤทธิ์มนตรี อายุ 48 ปี หนึ่งใน ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายสถิต เจ้าของพลุที่ระเบิด และนายเอกสิทธิ์ ผู้ช่วยพร้อมกลุ่ม ผู้บาดเจ็บนำพลุมาจัดเตรียมจุดในงานกฐินหมู่บ้านเป็นลูกที่ 2 จากที่เจ้าภาพว่าจ้างให้ชาวบ้านทำพลุ มาจุดในงานทั้งหมด 12 ลูก ระหว่างการเตรียมจุด นายสถิตใช้ค้อนตอกปิดหัวพลุ แต่ตอกไปโดนตะปูทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมา เพื่อนหลายคนพยายามห้ามและทักท้วงไม่ให้ตอกกลัวจะเกิดอันตราย แต่นายสถิตไม่ได้ยิน เนื่องจากเป็นคนหูตึงและตอกต่อไป จนเกิดประกายไฟขึ้นทำให้พลุระเบิดเสียงดังสนั่น คนที่อยู่บริเวณนั้นร่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง ข้าวของกระจัดกระจาย ส่วนตนโชคดีที่เดินถอยหลัง ออกมาก่อนและมีรถกระบะบังไว้ จึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ต่อมา นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ น.ส.สุภลักษณ์ บุญเกิด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอกมลาไสย นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อนจะไป เยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล นายพุทธภูมิเผยว่า จากที่ ได้รับรายงานทราบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจากการนำพลุ มาเตรียมจุดประชันเสียงในงานบุญกฐิน อยู่ห่างจาก งานมหรสพของหมู่บ้านประมาณ 2 กม. สอบถาม ผู้นำชุมชนทราบว่า ผู้เสียชีวิตช่วยกันนำพลุมาประกอบ เพื่อนำไปมัดติดกับต้นเสาเพื่อทำการจุด แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างเตรียมพลุทำให้เกิดระเบิดขึ้นจนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

หลังเกิดเหตุนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ทุกพื้นที่งดการจุดพลุ พร้อมเน้นย้ำทุกอำเภอ เฝ้าระวังติดตามดูแลสถานการณ์ให้เกิดความปลอดภัยในช่วงงานบุญกฐินระหว่างวันที่ 28 ต.ค. ถึงวันที่ 15 พ.ย. จัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ยังกำชับให้การช่วยเหลือและดูแลครอบครัวผู้บาดเจ็บ รวมทั้งการเยียวยาจิตใจ ของครอบครัวผู้เสียชีวิต