2 ผู้เสียหาย จูงมือเข้าแจ้งความเอาผิด “ดิไอคอนฯ” หลังสูญเงินร่วม 6 แสนบาท เผยที่ผ่านมาเครียดมากจนถึงขั้นแท้งลูกทั้งคู่
วันที่ 14 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา นางสาวสา และนางสาวหนิง (นามสมมุติ) ได้หอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอนฯ เข้าแจ้งความกับทางร้อยเวร หลังจากที่ทั้ง 2 ตกเป็นผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าว
โดยนางสาวสา ได้เปิดบิลระดับดีลเลอร์กับทางบริษัท ในราคา 208,000 บาท ส่วนนางสาวหนิงนั้นเปิดบิลระดับดีลเลอร์เช่นกัน แต่เปิด 2 รอบ หมดเงินไป 350,000 บาท รวมความเสียหายทั้ง 2 ราย เป็นเงินกว่า 6 แสนบาท ซึ่งคู่นั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน และขึ้นตรงกับ “บอสปัน” หนึ่งในทีมแม่ข่ายระดับสูง โดยทั้ง 2 คน มีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ เห็นโฆษณาจากทางเฟซบุ๊กก่อนที่จะสมัครเรียนออนไลน์ราคา 98 บาท
จากนั้นทางนางสาวหนิงได้เปิดบิลก่อนในปี 64 ต่อมาทางนางสาวสานั้นเห็นโฆษณาจากทางเฟซบุ๊กเช่นกันประกอบกับเห็นทางนางสาวหนิงซึ่งเป็นเพื่อนได้สมัครไปแล้ว ทำให้นางสาวสาตัดสินใจสมัครเป็นดาวน์ไลน์ต่อจากนางสาวหนิงในช่วงปี 65 แต่ทางนางสาวสานั้น เปิดบิลในราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาทก่อน ภายหลังทางบริษัทจะเชิญไปร่วมงานที่กรุงเทพ ทางนางสาวสาก็ได้ไปร่วมงาน ก่อนที่บรรดาแม่ข่าย และบอสต่างๆ จะเข้ามาปิดการขาย พูดจาโน้มน้าวให้เปิดบิลในระดับดีลเลอร์ เหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่โดน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ได้รับความลำบากในการใช้ชีวิต เพราะใช้เงินเก็บทั้งหมดบวกกับนำรถไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาลงทุนกับทางบริษัทเป็นหนี้เป็นสินไม่มีแม้แต่เงินที่จ่ายค่าไฟ
นอกจากผู้เสียหายทั้ง 2 ราย นั้นแท้งลูกทั้งคู่ โดยนางสาวหนิงนั้นแท้งลูกตอนท้องได้ 6 สัปดาห์ ส่วนนางสาวสานั้นแท้งลูกตอนท้องได้ 2 เดือน แพทย์ได้ลงความเห็นว่าการแท้งลูกของผู้เสียหายทั้ง 2 ราย นั้น เกิดจากความเครียด และสาเหตุความเครียดก็มาจากการนำเงินทั้งหมดไปลงทุนกับบริษัทดิไอคอนฯ ก่อนที่จะไม่ได้ผลตอบแทนใดๆ กลับมา
โดยนางสาวสา เล่าว่า ตอนนี้ตนนั้นไม่มีเงินเลย แม้แต่เงินที่จะเติมน้ำมันรถไปแจ้งความที่ สคบ. เหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นก็ไม่มี และที่สำคัญคือไม่อยากออกจากบ้าน เนื่องจากกลัวเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาตัดไฟที่บ้านเนื่องจากยังไม่ได้ชำระค่าไฟฟ้า เพราะไม่มีเงินที่จะจ่าย
นอกจากนี้ หลังจากฟังข่าวจากทางบอสพอล แถลงแล้วก็ทำให้มานั่งคิดว่าทำไมไม่เห็นเหมือนกับตอนที่ชวนเราเข้าทำธุรกิจ ทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยังไม่เคยลำบากขนาดนี้เลย ทำให้ตนนั้นมีอาการเครียดจนคิดสั้นไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แต่โชคดีที่ในคืนนั้นลูกของตนร้องจะกินนมทำให้ตนคิดได้จึงเลิกคิดที่ฆ่าตัวตาย และออกมาชงนมให้ลูก ซึ่งความเครียดนั้นสะสมเรื่อยมา โดยเมื่อปลายปีที่แล้วเครียดจนแท้งลูกคนที่ 2
สุดท้าย นางสาวสาฯ ยังได้ฝากถึงบอสพอลว่า ช่วยทำในสิ่งที่พูดไว้เมื่อตอนชวนคนเข้ามาทำธุรกิจว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และอยากฝากไปถึงพี่กันต์ในฐานะแฟนคลับ หนูก็รู้สึกสงสารเขาเหมือนกันที่จะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และหนูก็ไม่คิดอยากจะทำร้ายพี่ในฐานะแฟนคลับที่ดี เพราะหนูก็ยังรักและเป็นแฟนคลับพี่อยู่นะ แต่ตอนนี้หนูหมดความศรัทธาในตัวพี่ เพราะในสิ่งที่พี่พูดไม่เหมือนกับคำมั่นสัญญาที่เคยพูดไว้ และรู้สึกเสียดายความรู้สึกตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีในฐานะแฟนคลับต้องมาถูกทำลายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ