ผัวเมียโชเฟอร์รถบรรทุกแจ้งจับกลุ่มชายฉกรรจ์สวมเสื้อกั๊ก “ฝ่ายปกครอง” เรียกค้นรถอ้างขนของหนีภาษี ก่อนรีดเงิน 2.5 แสนบาท ผู้จัดการบริษัทกลัวสินค้าถึงมือลูกค้าช้าตัดใจโอนไปให้ พบเป็นชุด อส. จังหวัด อ้างหัวหน้าสั่งดักจับรถลอบขนต่างด้าว-ยาเสพติด หลังตรวจค้นไม่พบของผิดกฎหมายปล่อยตัวไป ปัดรับเงินสินบน ผบ.ตร.จี้เอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เตรียมเรียกสอบชุดจับเรียงตัว หากพบมีมูลชงเรื่องให้ ปปท.-ป.ป.ช.ฟันต่อ
เหตุผัวเมียอ้างถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตั้งแก๊ง รีดไถเรียกเงินรถบรรทุกสินค้าหนีภาษี 2.5 แสนบาท เปิดเผยช่วงสายวันที่ 4 พ.ย. พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สอบปากคำ เพิ่มเติมนายโจ และ น.ส.สวย (นามสมมติ) สองผัวเมีย อาชีพขับรถบรรทุกสิบล้อส่งสินค้า หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งสองเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธราธร เที่ยงธรรม รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังน้อย ระบุว่า ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รีดไถเงิน 2.5 แสนบาท เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพฯ กม.ที่ 66 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย
น.ส.สวย ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนกับสามีมีอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ก่อนเกิดเหตุ รับจ้างขนพัสดุบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ไปส่ง ในกรุงเทพฯ ออกเดินทางจากบริษัทต้นทางตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 2 พ.ย.ขณะขับมาถึงถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง กม.ที่ 66 ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย พบกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน ใช้รถ กระบะ 2 คัน เรียกให้จอด เห็นว่ากลุ่มชายดังกล่าว ใส่ชุดสีดำ บางคนสวมเสื้อกั๊กด้านหลังเขียนคำว่า “ฝ่ายปกครอง” ทำให้สามีไม่กล้าขัดขืน
ผู้เสียหายให้การอีกว่า หลังจอดรถกลุ่มชาย ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่บังคับให้ลงจากรถแล้วยึดโทรศัพท์มือถือและขอตรวจค้นแจ้งว่าสงสัยในรถมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือสินค้าหนีภาษี ก่อนเปิดผ้าใบคลุมรถใช้มีดกรีดเปิดกล่องพัสดุบอกว่า ของในรถเป็นของหนีภาษีผิดกฎหมาย ตนกับสามีก็ไม่รู้ว่าในพัสดุมีอะไร เพราะเป็นเพียงคนรับจ้างขับรถส่งพัสดุไปปลายทางเท่านั้น ระหว่างนั้นมีรถบรรทุกอีกคันขับตามมา กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น ก่อนให้ติดต่อพูดคุยโทรศัพท์กับเถ้าแก่บริษัท มีการเจรจา เรียกเงิน 2.5 แสนบาท หลังโอนเงินกลุ่มชายที่อ้างตัว เป็นเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยรถบรรทุกให้สามีขับออกมา ก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความ
ขณะเดียวกันช่วงเย็น ผู้จัดการบริษัทขนส่งผู้เสียหายที่ถูกเรียกรับเงิน 2.5 แสนบาท เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ. วังน้อย และพนักงานสอบสวน พร้อมนำพยานหลักฐาน เป็นสลิปการโอนเงิน และร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ ผู้จัดการบริษัทขนส่งผู้เสียหายเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ พนักงานขับรถของบริษัทโทรศัพท์มาบอกว่ารถถูกตรวจค้น ทีแรกเข้าใจว่าเป็นตำรวจ พอคุยกันถึงรู้เป็นฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องนำรถไป ตรวจสอบที่ศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่ามีของที่บรรทุกมาผิดกฎหมายหรือหนีภาษีหรือไม่
“ระหว่างนั้นพยายามเจรจาต่อรอง เนื่องจากต้องส่งสินค้าให้ลูกค้าให้ทันเวลา หากเสียเวลาต้องเสียค่าปรับจำนวนมาก ได้เสนอราคาไป 100,000 บาท เจ้าหน้าที่ไม่รับ และเรียกเงินถึง 250,000 บาท กลัวว่าหากสินค้าไปถึงลูกค้าล่าช้าจะเกิดความเสียหายและเสียเครดิตบริษัท จำยอมโอนเงินไปให้เต็มจำนวน เพื่อให้รถไปส่งสินค้าทันเวลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้เลขบัญชี เพื่อโอนเงินเป็นบัญชีของหญิงสาว” ผู้จัดการบริษัทขนส่ง กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย กล่าวว่า คดีนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินคดีเด็ดขาด ให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมและดำเนินคดีอย่างเต็มที่ตรงไปตรงมา
ขณะที่ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ได้ประสานข้อมูลไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรี อยุธยาแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนสอบสวนตามข้อเท็จจริงว่ามีการเรียกรับเงินจริงหรือไม่ ใครเป็นคนรับเงิน ใครโอนเงินหรือมีการสวมรอยเรียกรับเงินหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าคนที่แสดงตัวตรวจค้นจับกุมแต่ละคนมีใครบ้าง หากพบเป็นข้าราชการระดับซี 8 ลงมาจะต้องส่งไป ปปท. หากเป็นซี 8 ขึ้นไปต้องส่งไป ปปช.ดำเนินคดี
มีรายงานว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ขอตรวจค้นรถบรรทุกดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ อส.จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา กลุ่ม อส.อ้างว่าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าชุดว่ารับแจ้งเบาะแสจากสายข่าวว่าจะมีการใช้รถบรรทุกลักลอบพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและขนยาเสพติด ก่อนนำกำลังไปเฝ้าจับกุม พบรถบรรทุกตรงตามที่สายแจ้ง เจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้นเปิดผ้าใบดูไม่พบสิ่งผิดกฎหมายก่อนปล่อยไป ไม่มีการเจรจาพูดคุยเรียกรับเงินแต่อย่างใด
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ