“ทนายบอสพอล” เอาคืนตำรวจ พา 2 พนักงานฝ่ายบุคคล ดิ ไอคอน กรุ๊ป ลงประจำวันเป็นหลักฐานที่ สน.พหลโยธิน อ้างหลังบุกตรวจค้นแล้วพาตัวมาสอบปากคำต่อที่ บช.ก.โดยไม่มีหมาย ซ้ำใช้คำพูดให้พยานจนตกใจกลัว ลั่นเตรียมนำเรื่องร้องจเรตำรวจเล่นงาน 157 ด้านพนักงานบอสพอลเผย ถูกนำตัวไปสอบปากคำตั้งแต่เที่ยงยัน 3 ทุ่ม ระหว่างตรวจค้นให้เปิดโหมดเครื่องบินในมือถือ ไม่ให้รับสายใคร ซ้ำยังบอกว่าจะขอนำไปดูดข้อมูล อวยบอสพอลเป็นเจ้านายที่ดี ขณะที่ “ผู้ช่วยอ้อ” ระบุยังไม่ขอศาลออกหมายจับลอต 2 อยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูล ส่วนยอดเหยื่อทั่วประเทศขึ้นต่อเนื่อง เฉียด 8 พันราย ความเสียหาย 2.2 พันล้านบาท ไผ่ ลิกค์ แฉนาฬิกาหรูที่ดีเอสไอยึดจากห้องซุกสมบัติ แค่มองก็รู้ว่าเก๊ รรท.ดีเอสไอ แจงถึงเก๊ก็ต้องยึด

กรณีตำรวจสอบสวนกลางภายใต้การนำของพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.จับกุม 18 บอส บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป นำโดยบอสพอล หรือนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท และ 3 บอสดารา คือ นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงประชาชนและหลอกลวงหรือทุจริตโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อนนำตัวเข้าเรือนจำ หลังมีผู้เสียหายแห่ร้องเรียนถูก บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป หลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมตธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ถึงขณะนี้มีผู้เข้าแจ้งความเฉียด 7 พันราย ยอดเสียหายทะลุ 2 พันล้านบาท พร้อมๆ กับการแฉคลิปเสียงรีดไถบอสพอล ล่าสุดทนายหอบหลักฐานภาพ-คลิปเสียงนักร้องเรียนหญิงรีดเงิน 10 ล้านแจ้งความ“รองเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.” ปูดลูกความแฉปี 67 มีคนเรียงหน้าเข้ามาตบทรัพย์กว่า 80 คน บางรายเรียกเงินสูงถึง 20 ล้านบาท ไม่เท่านั้นยังลามไปถึงวงการผ้าเหลือง ไร่เชิญตะวันของพระ ว.วชิรเมธี ที่ จ.เชียงราย เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกตรวจพื้นที่ หลังมีผู้ขุดคลิปเทศน์อวยดิ ไอคอน กรุ๊ป ขณะที่ตำรวจและดีเอสไอยังลุยตรวจค้นยึดทรัพย์สินที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

“ผู้ช่วยอ้อ” เผยวันนี้ยังไม่มีจับลอต 2

การสืบสวนสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางยังลุยคดีฉ้อโกงประชาชนด้วยการใช้ศิลปินดารามาโปรโมตเพิ่มความน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ต.ค. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 ว่า วันนี้ยังไม่มีการออกหมายจับเพราะอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐาน ยังตอบไม่ได้ว่าจะออกหมายจับได้เร็วๆนี้หรือไม่เพราะพยานหลักฐานต่างๆยังต้องนำมาวิเคราะห์ให้แน่นหนา สำหรับแนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มไหนบ้างที่จะถูกออกหมายจับนั้นต้องมาดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร แต่ขณะนี้ยังไปไม่ถึงกลุ่มดาราที่จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม

ลั่นหลักฐานถึงใครไม่มีละเว้น

เมื่อถามว่ากลุ่มแม่ข่ายจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า อยู่ระหว่างวิเคราะห์คำให้การยังไม่ขอสรุปว่าจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ ต้องวิเคราะห์คำให้การทั้งหมดว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงหรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหาที่จะถูกออกหมายจับในลอต 2 น่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ใกล้เคียงผู้ต้องหากลุ่มแรก เมื่อถามต่อว่า ภรรยานายกันต์ กันตถาวร พิธีกรดังจะเข้าข่ายชักชวนด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดชบอกว่า หากพยานหลักฐานไปถึงใครทุกคนจะถูกดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น

จ่อแจ้งฟอกเงิน 18 มงกุฎ

ส่วนกรณีข้อหาฟอกเงินที่ตำรวจเตรียมจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 ผู้ต้องหากลุ่มแรกนั้น พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ขณะนี้ยังต้องมาดูพยานหลักฐานที่รวบรวมอยู่ว่า มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ส่วนจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนแค่ไหนนั้นถือว่าเป็นความผิดมูลฐานที่ต่อเนื่องกันจากฐานฉ้อโกงประชาชนอยู่แล้ว

ยอดยึดทรัพย์แล้วหลายร้อย ล.

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อถึงการตรวจสอบหาทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ว่า เจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง และยังได้ประสานกับ ปปง. ร่วมกันตรวจสอบว่ายังมีทรัพย์สินส่วนไหนที่จะต้องเข้าตรวจยึดก่อนที่จะถูกยักย้ายถ่ายเทอีกหรือไม่ ขณะนี้ทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกตรวจยึดมาได้แล้วมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ส่วนกรณีที่ทนายความบอสพอลจะพาพยานพนักงานดิ ไอคอน กรุ๊ป 10 คนที่ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำไปลงบันทึกประจำวัน เพราะมองว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ

ทนาย “บอสพอล” เอาคืนชุดสอบ

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เปิดเผยว่า วันนี้จะรวบรวมพนักงานบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเข้ามาสอบปากคำหลังตรวจค้น 11 จุด เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 12.00-20.00 น. เบื้องต้นทราบว่าตำรวจสอบปากคำเกี่ยวกับค่าคอมมิชชันรายได้พนักงานว่าเป็นรายได้ที่มาจากค่าคอมมิชชันหรือไม่และพยายามถามย้ำในประเด็นเดิมถึงแม้พนักงานจะปฏิเสธไปแล้ว รวมทั้งหลังจากปล่อยตัวพยานทั้ง 10 คน พนักงานหนึ่งใน 10 คนนี้คือเลขาฯคนสนิทบอสพอล แต่หลังสอบปากคำเสร็จยังยึดโทรศัพท์พนักงานทุกคนไว้ ไม่เข้าใจทำไมถึงต้องยึด ช่วงบ่ายวันนี้ตนจะรวบรวมพยานไปที่ สน.พหลโยธิน อาจลงบันทึกประจำวันไว้แต่จะยังไม่แจ้งความดำเนินคดีเพราะอยากรอไปแจ้งความที่จเรตำรวจ ตามมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายผู้ใดผู้หนึ่งหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ให้จเรฯสอบทำถูกต้องหรือไม่

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน นายวิฑูรย์ เก่งงาน พาพนักงาน ดิ ไอคอน กรุ๊ป 2 คน ลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ไว้เป็นหลักฐาน กรณีตำรวจบุกค้น 11 จุด เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหาหลักฐานในคดี โดยนายวิฑูรย์กล่าวว่า การตรวจค้นวันนั้นมีการนำพนักงานบริษัท ดิ ไอคอน 20 คน ไปสอบโดยไม่มีหมายเรียก และไม่ให้ติดต่อกับบุคคลภายนอก มีการยึดโทรศัพท์ 10 เครื่อง ได้คืนเพียง 3 เครื่อง กรณีดังกล่าวขอให้อย่าดำเนินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ยืนยันจะไม่แจ้งความดำเนินคดีกับคนทำหน้าที่เพราะทราบว่าทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาแต่ขอลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ จะไปยื่นเรื่องให้สำนักงานจเรตำรวจตรวจสอบว่าการทำหน้าที่ตำรวจกองปราบฯและ บก.ปคบ.ทำถูกต้องหรือไม่

ใช้คำพูดสอบพยานจนตกใจ

นายวิฑูรย์กล่าวว่า การสอบสวนมีตำรวจอยู่ในห้องสอบสวนหลายนาย สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยการตัดสินใจ เอาคนคุมตัวไว้นานตั้งแต่ 12.00-21.00 น. ทำเพื่ออะไร ลักษณะท่าทางคำพูดทำให้คนถูกสอบสวนตกใจ ทำให้พยานเกิดความกลัว แม้ตำรวจอ้างได้ว่าเป็นเทคนิควิธีการสอบสวนแต่ต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

“บอสพอล” ขอทนายทำเต็มหน้าที่

ทนายบอสพอลกล่าวอีกว่า กรณีพนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาชุดที่ 2 เห็นว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ไม่ได้ไปไหน ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ทั้ง 18 คนชุดแรกก็ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีแต่ไม่อยากให้ออกหมายจับไม่จำเป็น กลุ่มพนักงานเสียหายจากการทำหน้าที่ของตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานแน่ชัดว่ากระทำความผิดหรือไม่ ขอให้เป็นดุลพินิจของศาลอาญาเป็นผู้พิจารณาประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ หลังเยี่ยมบอสพอลเมื่อวานคุยกับตน ยืนยันว่า ขอให้ไม่ต้องกังวลว่าจะออกเมื่อไหร่ ขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่

พยานโวยพาไป บช.ก.ไม่มีหมาย

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี 1 ในพนักงานบริษัท ดิ ไอคอน ที่มาลงบันทึกประจำวัน กล่าวว่า ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคล ตำรวจเข้าไปค้นที่ออฟฟิศมีมาหลายนายมีหมายค้นจึงยินยอมให้ตรวจค้น หลังจากนั้นเชิญตนกับพี่อีกท่านหนึ่งขึ้นไปนำค้นบอกว่าขอมือถือวางเอาไว้เและปิดโหมดเครื่องบิน ครั้งนี้ครั้งที่ 3 ก่อนหน้านี้ไม่ถูกกระทำแบบนี้เลยรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากที่ขอโทรศัพท์ไปแล้ว ตำรวจถือไว้ตลอดและบอกจะขอไปดึงข้อมูลด้วย ลักษณะสอบสวนอาจจะย้ายไปสอบสวนต่อที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยไม่มีหมายเชิญตัว ระหว่างทางบันทึกวิดีโอตลอด

กลัวจนร้องไห้ตลอด 9 ชม.

น.ส.เอกล่าวต่อว่า ในมุมประชาชนเราไม่ใช่ผู้ต้องหาไม่ควรโดนกระทำแบบนี้ ไปถึงแล้วมีการสอบสวนตั้งแต่ 12.00-21.00 น. ซักถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดี ประเด็นชี้นำประเด็นเกี่ยวข้องกับบริษัท มีผู้ถูกกล่าวเป็นแบบนั้นตามสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่ข่มขู่แต่เป็นการหว่านล้อมให้หวาดกลัว ตนร้องไห้ตลอดในช่วงเวลาดังกล่าว ทำงานเกือบ 2 ปี ในฐานะลูกน้องกับเจ้านาย ไม่รู้จักระบบบริษัท ดูแลแค่พนักงาน 80 คนเท่านั้น ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาพนักงานต่างหวาดกลัวว่าจะกลายเป็นผู้ต้องหาหรือตกงานไม่มีบริษัทใดรับเข้าทำงานอีก

อวยบอสพอลเป็นเจ้านายที่ดี

น.ส.เอกล่าวด้วยว่า ตนทำงานตามหน้าที่ ทุกคนแทบไม่เต็มใจให้ตำรวจนำมือถือไปตรวจสอบ บอสพอลเป็นเจ้านายที่ดี พวกเราทุกคนได้รับการดูแลอย่างดี อยู่กันเหมือนพี่น้อง เป็นทั้งอาจารย์ ครูสอนการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ ยืนยันให้กำลังใจ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

“รองเต่า” สั่งตั้งเรื่องสอบนักร้องหญิง

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงคลิปเสียงหลังจากที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอล เข้ามาหาว่าได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จากการพูดคุยพบว่ายังมีอีกหลายคลิปที่บรรดาบอสต่างๆอัดคลิปพร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บไว้ เนื่องจากมีหลายคนที่เข้าไปรีดไถ โดยนายวิฑูรย์จะรวบรวมมาให้ หลังจากนั้นจะวิเคราะห์ดูอีกครั้งว่าสามารถดำเนินคดีกับใครได้บ้าง ส่วนเรื่องนักร้องเรียนหญิง พนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะตั้งเรื่องสอบสวนพร้อมนำพยานบุคคลมาให้การยืนยันเพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อไป

ปปป.เชิญ “เจ๊พัช” ให้ข้อมูล 10 ล้าน

มีรายงานจากแหล่งข่าวใน บก.ปปป.ว่า ช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญ น.ส.กฤษอนงค์ หรือพัช สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่ถูกพาดพิงหลังปรากฏคลิปเสียงการเรียกรับเงิน 10 ล้านบาทจากบอสพอล และสามีของ น.ส.กฤษอนงค์ มาสอบถามข้อมูลในประเด็นข้อสงสัยทั้งเรื่องของคลิปเสียง และเรื่องเงินที่มีการกล่าวอ้างว่าเรียกรับผลประโยชน์โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆเป็นเพียงการเชิญมาให้ข้อมูลเท่านั้น นอกจากนี้ประเด็นนักการเมือง ส. หนึ่งในบุคคลที่ปรากฏในคลิปเสียง ตำรวจ บก.ปปป.อยู่ระหว่างการประสานขอความร่วมมือเชิญมาให้ข้อมูลด้วย

ส่วนความคืบหน้าการขอหมายจับนักร้องเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์จากบอสพอล แหล่งข่าวระบุว่า ตำรวจ บก.ปปป.อยู่ระหว่างสอบปากคำพยานให้ครบถ้วน รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก่อนที่จะพิจารณาขอหมายจับ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

โคราชเหยื่อแจ้ง 25 ราย

ด้านความเสียหายในต่างจังหวัดที่เกิดจาก บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา ลงพื้นที่ติดตามยอดผู้เสียหายในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป หลังพบผู้เข้าแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา แล้ว25ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ก่อนเผยว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ได้รับผลกระทบในคดีของดิ ไอคอน พร้อมให้ตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ทุก สภ.ในพื้นที่ ส่วนใหญ่ผู้เสียหายจะถูกหลอกลงทุนรายละ 250,000 บาท โดยหนึ่งในผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในพื้นที่ แจ้งว่าติดต่อผ่านชื่อบอสแม่ปัน

เหยื่อทะลุ 7 พันราย เสียหาย 2.6 พันล้าน

วันเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงยอดผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงลงทุนของบริษัท “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของ บช.ก. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม โดยเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 103 ราย ความเสียหาย 40 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสมระหว่างวันที่ 10-23 ต.ค.2567 สรุปยอดผู้เสียหายที่สอบปากคำไปแล้ว 3,226 ราย ความเสียหาย 1,087 ล้านบาท

ขณะเดียวกันศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัด และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 22 ต.ค.2567 รวมผู้เสียหาย 639 ราย มูลค่าความเสียหาย 189 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 18-22 ต.ค.2567 มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 4,380 ราย ความเสียหายรวม 1,175 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 7,606 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,262 ล้านบาท

ดีเอสไอยึด “บอสพอล” อีก 40 ล.

ด้านการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ก่อนนี้เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 22 ต.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดอายัดทรัพย์สินของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ที่ถูกพบว่านำมาซุกซ่อนในห้องเช่าแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา9 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดทรัพย์สินเป็นนาฬิกาหรู 19 เรือน หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาหรู Richard Mille RM 53-01 และ Richard Mille RM 35-02 ทั้ง 2 เรือนนี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 33 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง และสร้อยคอทองคำ รองเท้าและกระเป๋าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท

พลเมืองดีชี้ช่องเช่าห้องซุกทรัพย์

ร.ต.อ.วิษณุเปิดเผยว่า การตรวจค้นครั้งนี้มาจากมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเห็นรถซุปเปอร์คาร์สีเหลือง จำเลขทะเบียนได้ชัดเจน เห็น “บอสพอล” ลงจากรถ มาดูห้องเช่าแห่งนี้ก่อนที่วันต่อมา “บอสอ๊อฟ” คนสนิทบอสพอล จะมาทำสัญญาจ่ายเงินค่าเช่าห้องกระทั่งวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ขนย้ายทรัพย์สินจำนวนมากใส่กล่องขนาดใหญ่หลายกล่องมาไว้ที่ห้องนี้ หลังจากนั้นไม่มีใครมาอีก ชัดเจนว่าเป็นการเช่าห้องเพื่อนำทรัพย์สินมาซุกซ่อนไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัย สำหรับของกลางทั้งหมดได้ตรวจยึดและจะนำไปตรวจสอบ ก่อนแถลงสรุปผลตรวจค้นอีกครั้งวันที่ 24 ต.ค.นี้

ของจริงของเก๊ต้องยึดตรวจสอบ

ต่อมา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่ “หนุ่ม-กรรชัย” พูดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่านาฬิกา “บอสพอล” ที่ดีเอสไอยึดมาจากห้องเช่าแห่งนี้ นักเล่นนาฬิกาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเก๊ยันกล่อง ขอให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบว่า เมื่อพลเมืองดีแจ้งเบาะแส เจ้าหน้าที่ต้องไปยึดมาตรวจสอบ แม้เป็นของแท้หรือของปลอมก็ต้องยึดมาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน เพราะเป็นทรัพย์สินที่กลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นผู้เอามาเก็บไว้

ถ้าเก๊ขยายผลต่อ-มาเก็บทำไม

พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวต่อว่า ทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาจะเป็นของปลอมหรือของแท้ต้องมีขั้นตอนตรวจสอบอยู่แล้ว เบื้องต้นจะมอบหมายให้กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา เชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ หากนาฬิกาหรูที่ดีเอสไอยึดมานั้นพบว่าเป็นของปลอม ยืนยันว่าไม่มีผลต่อการสืบสวนคดี เพราะจะต้องขยายผลว่าหากเป็นของปลอมทำไมนำไปซุกซ่อนในห้องพัก และมีครอบครองไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ทั้งนี้ จะต้องพิสูจน์ด้วยว่าเงินที่นำมาซื้อทรัพย์สินรายการต่างๆเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดี บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด หรือไม่ และไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นของแท้หรือของปลอม สิ่งที่จะมีผลคืออาจทำให้มูลค่าของทรัพย์สินมีราคาน้อยลงเท่านั้นเอง

“ไผ่ ลิกค์” มองตาเปล่ารู้ว่าก๊อป

ขณะที่ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร ให้สัมภาษณ์ หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความ “เอานาฬิกาปลอมไปเปิดห้องทำเป็นว่าหาเจอแล้วของจริงไปไหนวะ มึงแม่งสุดจริง” ว่า นาฬิกาหรูที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยึดไว้นั้นมองยังไงก็เป็นของปลอม ปลอมแบบตาเปล่าดูรู้เลย เรื่องนี้มีนัยหลายเรื่องมองว่าทำไมบอสพอลต้องนำนาฬิกาไปเก็บไว้ที่นั่น หรือเป็นการเบี่ยงประเด็นว่าโดนยึดแล้วไม่ให้ตามทรัพย์สินที่เป็นนาฬิกาของจริงต่อหรือไม่ คนคิดแผน แบบนี้ได้คือสุดยอดมาก ยอมรับว่าเรื่องนี้ยิ่งสืบค้นยิ่งซับซ้อน ต้องขยายผลว่านาฬิกาของจริงอยู่ที่ใคร มองว่าทำเป็นขบวนการแน่นอน บิดเบือนหลายประเด็น เชื่อว่าตัวละครเดียวคือบอสพอลที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

คกก.สอบเทวดา-เชิญทุกคนได้หมด

อีกด้านหนึ่งเมื่อเวลา 08.35 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เผยถึงความคืบหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ว่า ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจอยากให้ประชาชนมั่นใจไม่ต้องกังวล รัฐบาล ตน และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เอาจริง คนที่ตั้งใจทำงานเป็นข้าราชการน้ำดีก็มี แต่ส่วนไหนที่เป็นปัญหาเราต้องแก้ไขและให้ความเชื่อมั่นกับประชาชน คณะอนุกรรมการ 2 ชุด ที่คณะกรรมการชุดใหญ่ตั้งขึ้นจะนำพยานหลักฐานวัตถุและพยานบุคคลมาเชื่อมโยงกันเพื่อกำหนดว่าต้องเชิญบุคคลหรือหน่วยงานไหนเข้ามาให้ข้อมูล และอนุกรรมการอีกคณะจะดูเรื่องกฎหมาย สคบ. เมื่อถามว่ากรณีนักการเมืองที่ถูกระบุในคลิปเสียงมีสิทธิ์เรียกมาชี้แจงหรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบมีสิทธิ์เชิญมาชี้แจงได้ทั้งหมด

ทำทุกอย่างตามขั้นตอน ก.ม.

เมื่อถามว่านักการเมืองสามารถสั่งการ สคบ.ได้หรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า ต้องรอดูข้อเท็จจริงคิดว่าการดำเนินการไม่ได้ล่าช้าเกินไป หลังมีคลิปเสียงปรากฏบนสื่อ เราก็เร่งทำอย่างดีที่สุดและรอบคอบ เมื่อถามถึงการพิจารณาถอนใบอนุญาตบริษัท น.ส.จิราพรกล่าวว่า สั่งการ สคบ.ให้ทำงานให้เร็วที่สุด อยู่ระหว่างการเชิญบริษัทมาให้ข้อมูล ทั้งตัวบอส ดารา แต่ในระหว่างการสอบสวนมีการจับกุม ขณะนี้กลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้ว ฉะนั้นเป็นขั้นตอนที่ สคบ.ต้องเข้าไปร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อถามว่าการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตจะใช้เวลาเท่าไหร่ และจะประสานพูดคุยกับบอสที่อยู่ในคุกหรือไม่ เพราะทนายระบุว่าหาก สคบ.เพิกถอนระหว่างที่ยังไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติม จะฟ้องกลับในมาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า จะทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย แต่การเพิกถอนใบอนุญาตอาจไม่ทันภายในสัปดาห์นี้ ต้องทำอย่างรอบคอบไม่ได้มีธงกลั่นแกล้งใคร แต่ต้องการทำตามข้อเท็จจริงตามหลักฐานเพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกับทุกฝ่าย