“ดีเอสไอ” ประชุมร่วมตำรวจ บช.ก.ยันสรุปพฤติการณ์บริษัทดิ ไอคอนฯ เข้าองค์ประกอบแชร์ลูกโซ่ เนื่องจากตกลงร่วมกัน จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด และรู้หรือควรรู้ว่าไม่สามารถประกอบธุรกิจได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เริ่มเข้าแจ้งข้อหาเป็นรายคนทั้ง 18 บอส ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า ส่วนคดีฟอกเงิน ยึดอายัดที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเพิ่มอีก 78 แปลง รวบรวมส่ง ปปง.ดำเนินการ ส่วนผู้ต้องหาลอต 2 ต้องรอให้สำนวนลอตแรกเสร็จก่อนถึงจะดำเนินการ ทนายวิฑูรย์เผย จะให้สัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย พยายามพูดให้น้อยลงเนื่องจากเป็นความต้องการของผู้ต้องหา ยืนยันไม่ได้ถูกกดดัน และยังไม่ได้รับการประสานจากดีเอสไอ กรณีเข้าแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่และธุรกิจขายตรงกับลูกความ ตำรวจ ปปป.บุกเรือนจำสอบปากคำ “บอสพอล” และ “โค้ชแล็ป” คลี่ปมถูกนักร้องเรียนสาวรีดทรัพย์ พ่วงคดี
“เอกภพ สายไหมต้องรอด” กุพยานเท็จ ด้าน “โค้ชแล็ป” เปิดปากไม่มีตำรวจกองปราบฯรีดเงิน 9 ล้านบาท และไม่เคยติดต่อ “อัจฉริยะ” ให้เข้ามาพบในเรือนจำ แฉเข้ามาเอง ซ้ำพยายามเสนอตัวขอเป็นทีมทนายความการสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงแม่ข่ายและผู้เกี่ยวข้องคุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วทั้ง 18 คน ต่อมาโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการพิจารณาแจ้งข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ย. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงกรณีตำรวจ บก.ปปป. นำกำลังเข้าสอบปากคำนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องขังคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป หลอกลงทุน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานครวันนี้ว่า เป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมคดีนายวรัตน์พลเคยมอบหมายให้ทนายส่วนตัวแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง กรณีเรียกรับเงิน และคดีแจ้งเอาผิดนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ความผิดฐานหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีกุเรื่องพยานเท็จหลังบ้านดิ ไอคอน
“นอกจากการเข้าพบนายวรัตน์พลภายในเรือนจำวันนี้แล้ว ตำรวจ ปปป.ยังสอบปากคำนายวรัตน์พลเกี่ยวกับเรื่องที่เคยร้องขอให้ตรวจสอบกรณีถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกเงินแลกกับการไม่พากลุ่มผู้เสียหายคดี ดิ ไอคอน ไปออกรายการดังอีกด้วย ถึงแม้ว่ากรณีนี้จะยังไม่มีการรับเงิน แต่เมื่อแจ้งเรื่องร้องทุกข์เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย” ผบก.ปปป.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกเหนือจากการเข้าสอบปากคำนายวรัตน์พล หรือบอสพอลแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ยังแบ่งพนักงานสอบสวนแยกสอบปากคำนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี ภายในเรือนจำ เพื่อซักถามกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานมูลนิธิชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นตำรวจกองปราบปรามเรียกรับเงินจำนวน 9 ล้านบาทจากโค้ชแล็ปด้วย จากการสอบปากคำนายจิระวัฒน์ให้การยืนยันไม่เคยมีตำรวจกองปราบฯมาข่มขู่เรียกเงิน 9 ล้านบาท ตามที่นายอัจฉริยะกล่าวอ้าง สอดคล้องกับคำให้การของภรรยา ญาติ และบุคคลใกล้ชิดของนายจิระวัฒน์ ที่ต่างยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายจิระวัฒน์ รวมถึงคนใกล้ชิดยังให้การยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเรียกให้นายอัจฉริยะเข้าไปพบในเรือนจำ เป็นการเข้าไปของนายอัจฉริยะเอง ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริง เนื่องจากนายอัจฉริยะพยายามเสนอตัวขอเข้ามาเป็นทีมทนายความช่วย ดูแลคดี แต่ถูกนายจิระวัฒน์หรือบอสแล็ปปฏิเสธกลับไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน บช.ก.เข้าสอบปากคำนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล และนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี ผู้ต้องหาในคดีดิ ไอคอนฯใน 3 ประเด็นคือ ปมนักร้องเรียนหญิง ก.เรียกรับเงิน พ่วงปมพยานเท็จของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดและบุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจเรียกเงิน 9,000,000 บาท การสอบปากคำเริ่มเวลา 10.00 น. ใช้เวลาเกือบ 5 ชม. จนถึงเวลา 15.00 น. มีรถของพนักงานสอบสวน บช.ก.ขับออกมาจากเรือนจำ
ต่อมาเวลา 15.15 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอล ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การตามความจริง มีทั้งประเด็นนักร้องเรียนหญิง ก. และกรณีนายอัจฉริยะกล่าวอ้างว่ามีตำรวจเรียกรับเงิน 9 ล้านบาท บอสพอลไม่ได้สั่งให้มาดำเนินการอะไรพิเศษ แต่จะให้สัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย พยายามพูดให้น้อยลงเนื่องจากเป็นความต้องการของผู้ต้องหาและเป็นกลยุทธ์ทางคดี ยืนยันว่าไม่ได้ถูกกดดัน แต่เนื่องจากยังไม่ได้เริ่มการทำงานทางคดี ทำให้งานล่าช้า จะใช้เวลาเตรียมพยานหลักฐาน และรายละเอียดทางสำนวนเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพราะหากกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจะมีความพร้อมในเอกสารคำให้การ ถึงขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้ประสานเข้ามาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรง
“ส่วนกระแสข่าวที่ว่าดีเอสไอจะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาวันที่ 8 พ.ย. ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้รับการประสานมา หากดีเอสไอมาแจ้งข้อกล่าวหาวันที่ 8 พ.ย. ขอให้ประสานก่อน ไม่ใช่เข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาโดยไม่แจ้งทนายความ แบบนี้ผมไม่เอาด้วย ทั้งนี้หากแจ้งข้อกล่าวหาก็พร้อม หากสอบปากคำคงยังไม่พร้อม เนื่องด้วยสภาพภายในเรือนจำมีห้องสอบสวนเพียงห้องเดียว ขณะนี้บอสพอลทราบแล้วว่า ดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ ไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไร เตรียมสู้คดี ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษเป็นหน้าที่ของผมในการสู้คดี ผมรายงานความคืบหน้าการเตรียมพยานแก้ข้อกล่าวหากว่า 2,400 คน ยืนยันตัวตนแล้ว 1,500 คน รวมถึงพยานผู้เชี่ยวชาญอีก 1 คน ส่วนพยานที่เป็นบริษัทผลิตสินค้าจะทำคำให้การเป็นเอกสารมายื่นให้ดีเอสไอ” ทนายวิฑูรย์กล่าว
นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า สำหรับพยานผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์สำหรับการแก้ข้อกล่าวหาคดีนี้ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินว่าด้วยการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ เคยทำเรื่องแชร์ลูกโซ่มาแล้วหลายเรื่อง เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาเป็น 10 ปี เชื่อว่าจะให้ความรู้และแง่คิดทางกฎหมายที่มีประโยชน์ต่อคดี จะทำให้ดีเอสไอเห็นอีกมุมหนึ่ง
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวก่อนประชุมร่วมดีเอสไอกับตำรวจสอบสวนกลางว่า วาระการประชุมวันนี้จะหารือถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางดำเนินการแล้ว และประเด็นอื่นที่ ดีเอสไอจะดำเนินการต่อจากนี้ในภาพใหญ่ว่ามีอะไรบ้าง ส่วนรายละเอียดเชิงลึกคงต้องดูเนื้อหาการประชุมอีกที รวมทั้งการทำงานในระยะเวลาที่เร่งรัด
“ส่วนกรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมเข้าไปภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง แจ้ง 2 ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่คงต้องมาสรุปข้อเท็จจริงให้เรียบร้อยก่อน ไม่ว่าเป็นเรื่องบันทึกที่จะแจ้งหรือรายละเอียดอื่น ยืนยันว่าดีเอสไอเร่งรัดดำเนินการเต็มที่ สำหรับการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาถือเป็นสิทธิ์ แต่ดีเอสไอจะทำสำนวนต่อเนื่อง” โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 ดำเนินคดีอาญากับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.และพนักงาน
สอบสวนคดีพิเศษ ประชุมหารือความคืบหน้าสำนวนการสอบสวน พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวหลังประชุมว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน บช.ก. ถึงแนวทางการรวบรวมพยานหลักฐานการดำเนินการทางสำนวน ในที่ประชุมได้ข้อมูลเป็นประโยชน์จากทีม บช.ก. นำโดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.และคณะ ทราบประเด็นที่มาแห่งการสืบสวนในประเด็นต่างๆตามองค์ประกอบความผิดว่ามีผู้ใดสืบสวนเรื่องใดบ้าง
“ในที่ประชุมเราหารือกันทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน แผนประทุษกรรม การดำเนินธุรกิจต่างๆ การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน สำหรับการจะเเจ้ง 2 ข้อกฎหมายเพิ่มเติมกับ 18 บอสดิ ไอคอน ประกอบด้วย พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 คาดว่าจะดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ อาจเป็นวันที่ 8 พ.ย.ต่อเนื่องไปสัปดาห์หน้า จะต้องนัดหมายทนายความผู้ต้องหา รวมถึงขณะนี้ดีเอสไอ ยังอยู่ระหว่างรอการประสานกลับจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง ว่าจะให้ดีเอสไอเข้าไปพบผู้ต้องหาได้วันเวลาใด” พ.ต.ต.ยุทธนากล่าว
รรท.อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า กรณีพยาน 20 คน ของบริษัทดิ ไอคอนฯเดินทางเข้าพบดีเอสไอเมื่อวันที่ 4 พ.ย. เพื่อขอให้ดำเนินการสอบปากคำเข้าสำนวนด้วย ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องนี้ แต่เราแจ้งให้ทนายความไปจัดทำบัญชีรายชื่อพยานว่าจะให้สอบปากคำรายใดบ้าง ขอให้กำหนดประเด็นมาก่อน เพื่อพนักงานสอบสวนจะดูว่ามีประเด็นใดที่ซ้ำกันหรือไม่ หรือเป็นประเด็นที่จะใช้พิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์อย่างไร ตรงนี้ถือเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ต้องขอดูประเด็นก่อน ทนายยังไม่ได้ส่งรายชื่อบัญชีพยานและประเด็นที่ต้องการมายังดีเอสไอ
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องความผิดกรณีฟอกเงินทางอาญามีความคืบหน้า คณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินทางอาญายึดอายัดที่ดินเพิ่มเติมจำนวน 78 แปลงในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล สืบสวนพบว่าเป็นที่ดินของผู้ต้องหาและกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป พนักงานสอบสวนต้องยึดอายัดไว้ตรวจสอบและจะส่งสำนักงาน ปปง.ดำเนินการเรื่องทรัพย์สินต่อไป
“ประเด็นพฤติการณ์บริษัท ดิ ไอคอนฯเข้าองค์ประกอบแชร์ลูกโซ่ เนื่องจากตกลงร่วมกัน จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และรู้หรือควรรู้ว่าไม่สามารถประกอบธุรกิจได้โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้ตามที่ดำเนินการ” รรท.อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า กรณีธุรกรรมทาง การเงินและการจ่ายผลตอบแทนของ 17 บอสที่เหลือ เนื่องจากบอสพอลคือ ผู้บริหารหลัก ประเด็นนี้เป็นรายละเอียดในสำนวนไม่สามารถระบุได้ หลักการคือ เส้นทางการเงินของทุกคนเชื่อมโยงถึงกัน ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้หารือถึงการแจ้งข้อหาผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการผู้ต้องหากลุ่ม 1 จำนวน 18 คนและนิติบุคคล 1 รายคือ บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ให้สำนวนนี้เสร็จสิ้นก่อน หลังจากนี้ทนายจะยื่นขอศาลปล่อยตัวชั่วคราวถือเป็นสิทธิ์ แต่การทำสำนวนของดีเอสไอยังคงดำเนินการต่อไป และสิทธิ์การชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ให้ข้อเท็จจริงเป็นของผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอต้องมาชั่งน้ำหนักว่าเป็นการกระทำความผิดหรือไม่ ต้องดูพยานหลักฐานประกอบ
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ