“บอสพอล” บุกสอบสวนกลาง ควงทีมทนายเข้าพบตำรวจ ปคบ.แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย เสียใจกับเหตุการณ์ที่มีผู้เสียหาย และเสียชีวิต พร้อมให้คนกลางน่าเชื่อถือไกล่เกลี่ย ส่วนดาราที่มาเป็น “บอส” เป็นหุ้นส่วนหรือไม่ ขออุบไว้ก่อน พนักงานสอบสวนทำได้แค่แจ้งการกระทำที่ถูกกล่าวหา แต่ไม่ได้แจ้งข้อหาแล้วปล่อยตัวไป เวลาไล่เลี่ยกัน “แซม ยุรนันท์-มิน พีชญา” ดอดเข้าพบพนักงานสอบสวน เผยสั้นๆเดินทางมาเองโดยไม่มีหมายเรียก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ รอง ผบช.ก.เผยส่งชุดสืบสวนลุยค้น 9 จุด เครือข่ายดิ ไอคอน กรุ๊ป เร่งหาหลักฐานเอาผิด หลังยอดผู้เสียหาย 3 วันพุ่ง 488 ราย ความเสียหาย 178 ล้านบาท ด้าน“กันต์ กันตถาวร” พิธีกรชื่อดัง เปิดใจแถลงยืนยันว่าไม่ใช่หุ้นส่วนหรือผู้มีอำนาจของบริษัท เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตสื่อเซ็นสัญญา 5 ปี ตอนนี้ขอยกเลิกสัญญาแล้ว สาวชลบุรีแฉ ตกเป็นเหยื่อด้วย เคยไปงานเลี้ยงของดิ ไอคอนฯด้วย พบดาราเต็มไปหมดจนเกิดความเชื่อมั่น ถูกชวนให้ลงทุนหลายครั้ง สูญเงินไปถึง 2.5 ล้านบาท สินค้าก็ไม่ได้

กรณีผู้เสียหายแห่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บช.ก.ดำเนินคดีกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายสินค้าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก โดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต แต่หลังจากผู้เสียหายตัดสินใจเข้าร่วมกลับเอาเงินไปจม และถูกเกลี้ยกล่อมให้หาเครือข่ายเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เงินคืน เบื้องต้นมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 120 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 95 ล้านบาท อาจเข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และยังจะมีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเนื่องตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

“ผู้ช่วยอ้อ” ประชุมคณะทำงาน

ความคืบหน้าจาก ปก.บก.ป.ชั้น 2 อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ต.ค. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฐานะหัวหน้าคณะทำงานคดีดิ ไอคอนกรุ๊ป เรียกชุดคณะทำงานประกอบด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. และตำรวจ บก.ปคบ. มี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีด้วย

“บอสพอล”บุกสอบสวนกลาง

ต่อมาเวลา 13.30 น.ขณะที่คณะทำงานคลี่คลายคดีดิไอคอนกรุ๊ปประชุมอยู่นั้น ปรากฏว่านายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด พร้อมทีมทนายความและบอดี้การ์ด เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า สร้างความแตกตื่นท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมาก เมื่อเห็นบอสพอลปรากฏตัวต่างกรูกันรุมเข้าบันทึกภาพและขอสัมภาษณ์โกลาหล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ 2 นายที่รักษาการอยู่ต้องเข้าไปคอยกันบอสพอลเอาไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก่อนพาตัวไปยังอาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขึ้นไปห้องสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ชั้น 12

แสดงความบริสุทธิ์ใจ

ระหว่างนั้นนายวรัตน์พล หรือบอสพอล กล่าวว่า รู้สึกเสียใจ รู้สึกไม่ดีและเศร้ามาก หลังทราบข่าวว่ามีผู้เสียหายและมีผู้เสียชีวิต วันนี้จึงเดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยอมรับที่ออกมาชี้แจงในวันนี้ถือว่าช้ามาก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งใจจะช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและประสบปัญหา ส่วนกรณีที่มีผู้สูญเสียเงินและเสียชีวิต จะหาคนกลางที่สังคมให้ความเชื่อมั่นเชื่อถือเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาเยียวยาให้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด ส่วนคำถามว่า ดาราที่มีการเรียกว่า บอส เป็นผู้บริหารด้วยหรือไม่ นายวรัตน์พล กล่าวว่า ข้อมูลในส่วนนี้ขอไปชี้แจงกับตำรวจ ไม่ขอเปิดเผยต่อสื่อมวลชน

พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีมีผู้สูญเสียเงินเกิดจากความผิดพลาดของบริษัทหรือไม่ นายวรัตน์พล กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ในการให้ข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งจากบริษัทและผู้เสียหาย หากสังคมได้ข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายแล้วจะสามารถตัดสินได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน

คนอื่นทำไม่เห็นผิดกฎหมาย

“ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะสร้างบริษัทมา 6 ปี ไม่คิดว่าการขายของออนไลน์ลักษณะนี้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และยังมีอีกหลายบริษัทที่ทำในลักษณะเดียวกัน ตัวเองไม่ใช่เจ้าแรกที่คิดหรือทำธุรกิจแบบนี้ได้ เพราะเห็นรุ่นพี่ในวงการธุรกิจทำจนเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์หลายๆแบรนด์” นายวรัตน์พลกล่าว ก่อนจะขอตัวขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ทันที

ปคบ.บุกค้นอาณาจักรดิ ไอคอน

เวลาไล่เรี่ยกันกำลังตำรวจ บก.ปคบ. นำโดย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แมนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุดในเครือดิ ไอคอน กรุ๊ป ประกอบด้วยบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (การขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต) บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด (กิจการสถานพยาบาล คลินิกเสริมความงามโรงพยาบาล) บริษัทนิรมิตร โกลบอล จำกัด (ขายสินค้าหรือบริการทางอินเตอร์เน็ต) และบริษัทไอคอนซูวิเนียร์ (การขายปลีกสินค้าอื่นซึ่งไม่ได้จัดประเภทไว้ในที่อื่นบนแผงลอยและตลาด) เกือบทั้งหมดตั้งอยู่เลขที่ 165/42-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน เพื่อค้นหาเอกสารการซื้อขายของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี นอกจากนี้ มีอีก 1 เป้าหมายใน 9 จุดบริเวณโกดังสต๊อกสินค้าของดิ ไอคอน กรุ๊ป เลขที่ 18 ถนนกาญจนาภิเษก ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี การตรวจค้นครั้งนี้เพื่อดูปริมาณสินค้าในโกดังและเอกสารต่างๆ

ระดมตำรวจ 70 นายรับแจ้งความ

ส่วนที่ห้องประชุมชัยจินดา ชั้น 2 อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สถานที่รองรับกลุ่มผู้เสียหายที่ต้องการเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป พบว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้เสียหายจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศจำนวนมาก เข้ายื่นเอกสารแจ้งความอย่างต่อเนื่อง ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เตรียมพนักงานสอบสวนไว้รองรับและคอยให้บริการตลอดทั้งวันถึง 70 นาย เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความ ทำให้การสอบสวนทำได้ค่อนข้างช้า

เหยื่อแฉการตลาด 0 บาท

น.ส.แนน หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า รู้จักกับบอสคนหนึ่งที่เคยทำคลินิกเสริมความงาม เนื่องจากเคยทำงานด้วย พอออกมาบอสเริ่มมาทำธุรกิจนี้ ตอนแรกยังใช้ชื่อแค่ว่า บูมคอลลาเจน และมาชวนไปลงทุน ตั้งแต่แรก เพราะเห็นว่าตนชอบไลฟ์ แต่ปฏิเสธไป เพราะไม่รู้ว่าต้องเริ่มทำยังไง หลังจากนั้นประมาณปีที่แล้ว เลขาของบอสติดต่อมาหาอีก บอกว่าตนเป็นคนมีความสามารถ เป็นคนเก่ง น่าจะทำธุรกิจนี้ได้ ก่อนโน้มน้าวว่าธุรกิจนี้เป็นนโยบายแบบการตลาด 0 บาทไม่ต้องใช้เงิน มีคนจัดการทุกอย่างให้หมดจึงเข้าไปเรียน มีดารามาพูดสร้างแรงบันดาลใจว่าประสบความสำเร็จเพราะธุรกิจนี้จนหลงเชื่อและเริ่มลงทุน ก่อนถูกชักชวนให้เพิ่มเงินลงทุนและหาลูกข่าย พอบอกว่าไม่มีเงินแล้วแม่ข่ายจะบอกให้ไปจำนำทรัพย์สิน ยังไงก็ได้คืน ยังไงธุรกิจนี้ก็โต แต่พอบอกว่าไม่ไหวขอลดระดับและขอเงินคืน แต่ไม่สามารถขอคืนได้ บริษัทจะให้สินค้ามาเพิ่มแทนส่วนต่าง ตอนนี้ยังขายไม่ออกต้องเอามาใช้เอง

พี่สาวโดนด้วยถูกลอยแพ

“นอกจากนี้ยังให้ไปชักชวนพี่สาวมาลงทุนด้วย หลังพี่สาวมาลงทุนถูกชักชวนให้ซื้อทัวร์ไปยุโรป บอกว่าเป็นการสร้างโปรไฟล์ให้คนเห็นว่าทำธุรกิจนี้แล้วประสบความสำเร็จ แต่หลังจากไปกับทัวร์กลับมาแล้วขายของไม่ได้ ทำไม่ได้อย่างที่บริษัทต้องการจนถูกลอยแพ” น.ส.แนนกล่าว

ยันดาราพูดว่าเป็นหุ้นส่วน

น.ส.แนนกล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มดารานักแสดงที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ไม่เคยเจอส่วนตัว เพราะกลุ่มนี้จะขึ้นเวทีงานใหญ่ๆเท่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่น การที่ดาราเริ่มออกมาแถลงข่าวบอกว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น จริงหรือไม่จริง ตอบไม่ได้ แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้าไม่เกี่ยวข้องแล้วจะไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร ตอนเปิดตัวบริษัทก็บอกว่าเตรียมพบกับบอสใหม่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องต้องปฏิเสธแต่แรกแล้วว่า ไม่ใช่บอส เป็นแค่ฝ่ายจัดการอะไรก็ว่าไป แต่สิ่งที่ทำคือการยอมรับว่าเป็นบอส ตอนพูดในงานบอกว่ามาเป็นบอสเป็นหุ้นส่วนด้วย

“บอสพอล” บุกสอบตำรวจ ปคบ.กลาง คดีแชร์ลูกโซ่ดัง

“แซม-ยุรนันท์” เข้าพบตำรวจ

ต่อมาเวลา 16.15 น. แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี อายุ 61 ปี นักแสดงชื่อดังรุ่นใหญ่ พร้อมทนายความเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียด กรณีร่วมงานกับบริษัทดิ ไอคอนกรุ๊ป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แซม-ยุรนันท์เดินทางเข้าให้ปากคำ เจ้าตัวยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม กล่าวกับสื่อมวลชนสั้นๆว่า ที่มาในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตามหมายเรียก เพราะยังไม่มีการออกหมายเรียก แต่ที่มาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มาวันนี้เพราะกลัวถูกออกหมายจับหรือไม่ แซม-ยุรนันท์ กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกัน ยืนยันว่าไม่ได้กังวล” ก่อนขออนุญาตขึ้นลิฟต์ไปให้ปากคำ

“มิน-พีชญา” แอบมาด้วย

มีรายงานด้วยว่า ในเวลาไล่เลี่ยกันนางเอกสาวชื่อดัง มิน-พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ที่มีข่าวว่ามีตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เดินทางมาที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง เลี่ยงสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอทำข่าวอยู่ ขึ้นไปให้การพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.แล้วเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำยังไม่เดินทางกลับ

“กันต์” ยันแค่รับจ้างทำสื่อ

ที่สนามกอล์ฟโพธาลัย ซอยโยธินพัฒนา 3 นายกันต์ กันตถาวร นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) บริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด พร้อมกับนายวีรวัฒน์ สุขเกษา ทนายความ แถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ และประกาศยกเลิกสัญญากับดิ ไอคอน กรุ๊ป พร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนคดีอย่างเต็มที่ นายกันต์กล่าวว่าวันนี้มาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันไม่ได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัทหรือลงทุน หรือออกนโยบายการทำอะไรต่างๆที่ออกมาจากบริษัทนี้ เป็นเพียงคนรับจ้างทำสื่อประชาสัมพันธ์สินค้าทุกชิ้นของบริษัท ตามสัญญาจ้างจะระบุว่า เป็นตำแหน่งผู้บริหารสื่อสารมวลชนและสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตลาด หรือแผนการขายใดๆ ตามที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ

เซ็นสัญญาโปรโมตสินค้า 5 ปี

นายกันต์ยังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่ผู้บริหาร ไม่ใช่ผู้มีอำนาจลงนามใดๆของบริษัท เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตสื่อ เพื่อให้ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายนำสื่อไปใช้ สัญญาทั้งหมด 5 ปี ตอนนี้ทำงานให้บริษัท มาแล้ว 3 ปี เริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 มีหน้าที่เพียงประชาสัมพันธ์โปรโมตสินค้าทุกตัวของบริษัท รวมถึงภาพลักษณ์ของบริษัท ก่อนติดต่อให้ตนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และทุกครั้งที่ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ สินค้าทุกชิ้น บริษัทจะมีสคริปต์ส่งมาให้ ไม่ได้คิดเอง ส่วนการเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ตามสัญญาระบุว่า เป็นหน้าที่ทั้งของบริษัทและตนเป็นผู้นำเสนอสู่สาธารณะ ที่ผ่านมาเชื่อมั่นมาเสมอว่า สื่อประชาสัมพันธ์ ที่ทำให้ดิ ไอคอน กรุ๊ป ทุกชิ้นอยู่บนความถูกต้องตรวจเช็กข้อมูลของบริษัททั้งเรื่องการจดทะเบียนสินค้า นำมาลองใช้ก่อน มี อย.สินค้าทุกตัว มีการการันตีตั้งแต่โรงงานที่ผลิต รวมถึงรูปแบบการทำงานคือ การเป็นโฆษกให้สินค้าและบริษัท

ยกเลิกสัญญา-เข้าให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่

นายกันต์ยอมรับด้วยว่า รู้สึกตกใจมากที่เห็นว่ามีผู้เสียหายและมีข้อมูลความเสียหายเยอะมาก เพราะไม่เคยได้รับข้อมูลแบบนี้มาก่อน จึงออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุติอาชีพพิธีกรก่อน เพื่อรอความชัดเจน รวมถึงยกเลิกสัญญากับบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเอาข้อมูลทุกอย่างให้กับทุกหน่วยงานเพื่อหาข้อเท็จจริงและความชัดเจน ให้ได้เร็วที่สุด ส่วนทรัพย์สินและรายได้ ยืนยันว่าเสียภาษีถูกต้อง แต่จำนวนของรายได้จะชี้แจงในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วนรถตู้เบนซ์สีแดงที่ได้รับจากบอสพอลนั้น เป็นของขวัญวันเกิด ไม่ทราบว่าทำไมถึงให้ของขวัญชิ้นใหญ่ แต่คาดว่าน่าจะเป็นของขวัญที่ทำงานในหน้าที่ให้บริษัทอย่างเต็มที่

เมียถามข้อมูลก่อนเป็นแม่ข่าย

นอกจากนี้ นายกันต์ยังกล่าวถึงกรณีภรรยาเป็นแม่ข่ายธุรกิจขายตรงของดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า เริ่มต้นจากตนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ดิ ไอคอน กรุ๊ป ภรรยามาสอบถามว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทดี เพราะสนใจทำธุรกิจของตน ตอนนั้นข้อมูลทุกอย่างถูกต้องหมด และสินค้ามีคุณภาพ สนับสนุนให้ภรรยาทำธุรกิจนี้

สาวชลบุรีแฉโดนไป 2.5 ล้านบาท

ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสัมภาษณ์หญิงสาว รายหนึ่งในพื้นที่สัตหีบ หลังตกเป็นผู้เสียหายจากธุรกิจของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป เหยื่อสาวเผยว่า ดูในเฟซบุ๊กเห็นคอร์สเรียนราคา 98 บาท สมัครเข้าเรียนประมาณ 3 วัน มาถามว่าสนใจเป็นตัวแทนทำธุรกิจเสริมหรือไม่ เลยสมัคร เสียเงินอีก 25,000 บาทเพื่อเข้างานเลี้ยงไปกับลูกสาว ถึงงานเห็นดารามากันเพียบ ทำให้เราเชื่อว่าไม่หลอกลวง มีทาง 3 อย่างคือจ่าย 2,500 บาท 25,000 บาท และ 250,000 บาทถ้าอยากมีหุ้นกับบริษัท เลยเลือกราคา 250,000บาท โอนเงินให้ หลังจากนั้นถูกชวนลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้นปีที่ผ่านมาหยุดลงเงินเพิ่ม เพราะไม่มีจะลงแล้ว หมดไป 2,500,000 บาท ไม่ได้กำไรคืนมาแม้แต่บาทเดียว ส่วนสินค้าอยู่กับเขา ยังเบิกมาไม่หมดเลย อยากได้เงินคืน

เหยื่อพุ่ง 488 ราย 178 ล้านบาท

ที่หน้าอาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.เผยความคืบหน้ากรณีบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดว่า เฉพาะวันนี้มีประชาชนมาแจ้งความ 235 ราย ยอดรวม 3 วันมีผู้เสียหายแจ้งความ 488 ราย มูลค่าความเสียหาย 178 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วงบ่ายพนักงานสอบสวนขอศาลอาญาออกหมายเข้าตรวจค้นบริษัทฯและบริษัทในเครือ รวมทั้งโกดังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจค้น ขณะเดียวกัน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ผู้บริหารบริษัทฯ และดาราอีกหลายคน เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

แนะแจ้งความได้ทั่วประเทศ

“ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่จะเดินทางมาแจ้งความ กรณีอยู่ต่างจังหวัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีวิทยุสั่งการด่วนถึงที่สุดให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศทุกท้องที่รับแจ้งความ ส่วนประเด็นการสอบสวนส่งให้พนักงานสอบสวนทุกท้องที่แล้ว สำหรับ ประชาชนที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สามารถไปแจ้งความได้ที่ตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่สุด ส่วนที่ บช.ก.ในแต่ละวันจัดพนักงานสอบสวนไว้รองรับ 70 นาย พร้อมจัดอาหารว่างเครื่องดื่มไว้รองรับให้กับประชาชนที่เข้ามาแจ้งความด้วย” รอง ผบช.ก.กล่าว

ดีเอสไอร่วมสอบสวนแล้ว

พล.ต.ต.โสภณกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.สอบพยานบุคคล และคำให้การในส่วนนี้ต้องมีรายละเอียดเชื่อมโยงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งพยานวัตถุและพยานเอกสาร ผู้เสียหายต่างๆรู้จักแม่ทีมเพียงชื่อเล่น พนักงาน สอบสวนต้องแสวงหาข้อมูลว่าแม่ทีมชื่อจริงอะไร เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนทุกมิติ เมื่อวานนี้ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สคบ. ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม กำชับสั่งการให้ทำคดีให้รวดเร็ว รอบคอบ ตรงไปตรงมา นอกจากนี้ตำรวจเองยังพูดคุยหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง กระทรวงการคลังที่ดูแลเรื่องพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ เข้ามาให้แนวทางกับตำรวจ รวมทั้งดีเอสไอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการในเชิงรุกสอบสวนควบคู่ไปกับตำรวจด้วย

ได้หลักฐานสำคัญในคอมพิวเตอร์

ถามว่าจะออกหมายจับกลุ่มผู้บริหารดิไอคอน กรุ๊ป ได้หรือไม่ พล.ต.ต.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้กำลังรีบดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้าน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลอยู่ เจ้าหน้าที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ สำหรับการเข้าตรวจค้น หาพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์บริษัท และตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวนมาช่วยดูเรื่องนี้ ทั้งนี้ พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นวันนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประกอบคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งแยกประเภทผู้เสียหายเพราะมีพฤติกรรมไม่เหมือนกัน บางรายอาจเสียเงินไปไม่เท่ากัน ตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน บางรายได้รับโปรโมชันเป็นการไปท่องเที่ยว ต่างประเทศด้วย ต้องนำมาพิจารณาทั้งหมด

สอบเสร็จปล่อย “บอสพอล”

“ส่วนกรณีนายวรัตน์พลเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อน ตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนต้องซักถาม ชื่อนามสกุล ถิ่นที่อยู่ และต้องแจ้งรายละเอียดที่ผู้เสียหายกล่าวโทษให้นายวรัตน์พลทราบ เมื่อทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายเสร็จสิ้นจะปล่อยตัวไป เนื่องจากยังไม่พบพฤติการณ์ว่าจะหลบหนี” รอง ผบช.ก.กล่าว

ดารายังรอดรอหลักฐาน

ส่วนเรื่องออกหมายจับผู้บริหารของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป และดาราที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหาคือ บอสพอล เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน การออกหมายจับตอนนี้ยังทำไม่ได้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสาร โดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคล รวมถึง การเข้าตรวจค้น เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามหาหลักฐานทุกอย่างที่เชื่อมโยงกับบริษัท นำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนบุคคลอื่นที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดใด และยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

ทำได้แค่บอกว่าถูกกล่าวหาอะไร

รอง ผบช.ก.ระบุด้วยว่า ส่วนกรณีผู้บริหารดิไอคอน กรุ๊ป เข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนถูกออกหมายเรียก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 134 วรรคหนึ่ง เมื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนจะแจ้งการกระทำที่ถูกกล่าวหาให้บอสพอลทราบ แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการแจ้งข้อหา ไม่สามารถควบคุมตัวได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนถึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้ ส่วนที่มีการเพ่งเล็งว่า บอสพอลเป็นคนไทยหรือไม่นั้น ส่วนนี้จะต้องประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อไปดูรายละเอียดที่มาของบัตรประชาชนของเจ้าตัว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าบัตรประชาชนของบอสพอลมีเลข 5 นำหน้า จะต้องไปถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ออกมาชี้แจงในกรณีนี้